กลุ่มแบงก์ปิดลบ 1.69% นำโดย BBL-KTB หวั่นยืดมาตรการพักหนี้กระทบรายได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 16, 2020 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีกลุ่มแบงก์ปิดลบ 1.69% มาอยู่ที่ 258.59 จุด ลดลง 4.44 จุด หุ้นในกลุ่มแบงก์ส่วนใหญ่ติดลบกัน นำโดย หุ้น BBL ปิดลบ 3.38% มาอยู่ที่ 100.00 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,469.63 ล้านบาท

หุ้น KTB ปิดลบ 2.13% มาอยู่ที่ 9.20 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 400.75 ล้านบาท

หุ้น SCB ปิดลบ 1.79% มาอยู่ที่ 68.50 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 459.61 ล้านบาท

หุ้น KBANK ปิดลบ 1.54% มาอยู่ที่ 79.75 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,243.15 ล้านบาท

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์ต่างปรับตัวลงในวันนี้ คาดว่าน่าจะเป็นห่วงในเรื่อง NPL ของกลุ่มแบงก์ หลังเอกชนมีข้อเสนอขยายเวลาการพักชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งหากรัฐบาลให้ยืดระยะเวลาการพักชำระหนี้ออกไปอีก ก็จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่มแบงก์ที่อาจจะต้องรับรู้รายได้ช้าลง

จากเดิมมองว่าผลประกอบการของกลุ่มแบงก์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่พอมีเรื่องการยืดระยะเวลาการพักชำระหนี้ให้ลูกค้า ก็มองว่าจะกระทบต่อรายได้ของแบงก์ทำให้ไม่แน่ใจว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหรือไม่ ส่วนการตั้งสำรองฯก็ยังเชื่อว่าในครึ่งปีหลัง กลุ่มแบงก์น่าจะตั้งสำรองน้อยกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งขณะนี้ก็ต้องมารอดูกันว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำอย่างไร หล้งจากที่มีหลายปัจจัยมากดดันกลุ่มแบงก์

"จริงอยู่การยืดระยะเวลาพักชำระหนี้ทำให้ NPL เกิดช้าลง และก็ไม่ต้องเร่งสำรองฯด้วย แต่ก็กระทบรายได้ของกลุ่มแบงก์"

นายอดิสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) วันนี้ปรับตัวลงมากกว่าแบงก์อื่น เป็นผลจากนักลงทุนเป็นห่วงฐานทุนของ BBL หลังจากที่ BBL จะออกหุ้นกู้เพื่อไปเสริมเงินกองทุน ซึ่งมองว่าเป็นแค่ Sentiment ลบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้ว BBL ยังอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอยู่ และทุกแบงก์ต่างก็ผ่านเกณฑ์เงินกองทุนอยู่แล้ว


แท็ก SCB   BBL  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ