HILITE: BAM บวก 3.40% โบรกฯ มองบวกข่าวแตกไลน์ธุรกิจใหม่หนุนผลงานระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 5, 2020 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น BAM ราคาขยับขึ้น 3.40% มาอยู่ที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 387.63 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 21.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.20 บาท

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า เช้านี้หนังสือพิมพ์รายงานว่า นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) กล่าวว่า บริษัทมีแนวคิดแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เพราะปัจจุบันธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) มีผู้เล่นเข้ามากว่า 66 รายแล้ว เชื่อว่าจะกลายเป็น Red Ocean ในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนธุรกิจในช่วง 5 ปี (ปี 63-67) หนึ่งในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ คือ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ มีแนวทาง ดังนี้ 1) การเป็นโบรกเกอร์หรือรับรู้รายได้จากค่า Fee การประเมินราคาและการตีราคาทรัพย์, 2) ร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) โดยจับมือกับบริษัทอสังหาฯร่วมพัฒนาโครงการ และ จับมือธนาคารพาณืชย์ร่วมทุนช่วยกันบริหารจัดการหนี้เสีย

ฝ่ายวิจัยแนะ"ซื้อ"หุ้น BAM มองบวกต่อข่าวดังกล่าวจากโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ประเมินและตีมูลค่าราคาหลักประกัน คาดว่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในระยะยาว จากรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจะไม่เพิ่มขึ้นสูงมาก เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญ และ/หรือ มีผู้ประเมินเป็นของบริษัทเอง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานประมาณ 3 ปี เพื่อที่จะทำให้รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัย เนื่องจากประเมินว่าค่าบริการในการประเมินทรัพย์ที่อยู่อาศัยอยู่ที่ประมาณ 3-6 พันบาท/รายการ

นอกจากนี้ การจับมือ JV กับผู้ประกอบการ Property นั้น ประเมินว่ามีความเป็นไปได้จากการที่ BAM มีทรัพย์เป็นที่ดินแปลงใหญ่ มีโอกาสที่บริษัท Property จะนำที่ดินมาพัฒนาต่อเนื่องได้ แต่การจับมือ JV กับธนาคารโอกาสเกิดขึ้นต่ำ เพราะธุรกิจ JV ยังใกล้เคียงกับธุรกิจเดิม

ทั้งนี้ ประเมินว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 แล้วจากสถานการณ์กรมบังคับคดีที่ดีขึ้น, ยอดขาย NPA ที่ดีขึ้นภายหลังการออกบูธจำหน่ายได้และมีเสียงตอบรับที่ดี และคาดว่าจะต่อเนื่องไปไตรมาส 4/63 จากลูกหนี้ที่ขอรับการช่วยเหลือกลับมาชำระได้ตามสัญญาในเดือน ก.ย. เบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิปี 63/64 ที่ 2.32 และ 4.67 พันล้านบาท (-65% YoY / +101% YoY) ยังไม่รวมรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ DTA ไม่เกิน 2.5 พันล้านบาท จากทั้งหมด 4.9 พันล้านบาทในครึ่งปีหลัง (H2/63) พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท อิง 2564 PBV 2.0x


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ