CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ AEONTS เล็งผลงาน H2 ปี 63/64 เริ่มฟื้น-Valuation ถูก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 12, 2020 14:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) เล็งผลดำเนินงานครึ่งหลังปี 63/64 (ก.ย.63-ก.พ.64) ดีขึ้น จากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงมาก และมีการควบคุมต้นทุน-ค่าใช้จ่ายที่ดี รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่มีออกมาเชื่อว่าจะช่วยหนุนการเติบโตสินเชื่อให้ดีขึ้นด้วย อีกทั้ง AEONTS ยังจะตัดจำหน่ายสินทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3-4 สามารถชดเชยกับกำไรหลักที่อ่อนแอ หลังเผชิญแรงกดดันจากการที่ธปท.คุมเข้มเรื่องเพดานดอกเบี้ย แต่แนวโน้มผลงานก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นในปี 64/65 (มี.ค.64-ก.พ.65) จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนการบริโภค

นอกจากนี้ ในแง่ Valuation ของ AEONTS ถือว่าราคาหุ้นยังต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ขณะที่ AEONTS มีแนวโน้มกำไรที่จะดีขึ้นในปี 64/65 หลังจากที่ชะลอตัวลงในปี 63/64 (มี.ค.63-ก.พ.64) โดยราคาหุ้น AEONTS หากมองที่ PBV จะอยู่ที่ 2.3 เท่า ต่ำกว่าบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ที่มี PBV ที่ 4.8 เท่า

พักเที่ยงราคาหุ้น AEONTS อยู่ที่ 135 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.80%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ทิสโก้                         ซื้อ                       200.00
          กสิกรไทย                      ซื้อ                       159.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)    ซื้อ                       155.00
          โนมูระ พัฒนสิน                  ซื้อ                       148.00
          เคทีบี (ประเทศไทย)             ซื้อ                       145.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)    ซื้อ                       141.00
          หยวนต้า (ประเทสไทย)           ซื้อเก็งกำไร                135.00

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวให้เหตุผลที่แนะนำให้"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น AEONTS จากแนวโน้มผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวขึ้นในปี 64/65 หลังจากที่ปี 63/64 ได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาคุมเข้มในเรื่องเพดานดอกเบี้ย ขณะที่ช่วงครึ่งหลังปี 63/64 คาดว่า AEONTS จะตั้งสำรองฯที่ลดลงมาก และจากที่มีการคุมเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้ครึ่งปีหลังผลดำเนินงานจะมีทิศทางที่ดีขึ้นได้ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีออกมา เชื่อว่าจะช่วยหนุนการเติบโตสินเชื่อให้ดีขึ้นด้วย แม้ว่าปี 63/64 จะมองเป้าการเติบโตสินเชื่อไว้แค่ 1% แต่กำไรก็จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นได้ตามการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63/64 ของ AEONTS จะอยู่ที่ 3,417 ล้านบาท ลดลง 14.1% จากปี 62/63 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,976 ล้านบนาท

นอกจากนี้ หากมองในแง่ Valuation ของ AEONTS ถือว่าราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ขณะที่ AEONTS มีแนวโน้มกำไรที่จะดีขึ้นในปี 64/65 โดยราคาหุ้น AEONTS หากมองที่ PBV จะอยู๋ที่ 2.3 เท่า ต่ำกว่า KTC ที่มี PBV ที่ 4.8 เท่า

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับขึ้นประมาณการกำไรของ AEONTS สำหรับปี 63/64 ราว 6-10% จากต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง, หนี้เสียที่ฟื้นตัวขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่ผู้บริหารเปิดเผยว่าจะมีการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3-4 โดยในปีก่อนคิดเป็นกำไร 250 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 3 ปี 62/63 และ 330 บาทในไตรมาส 4 ปี 62/63 ทำให้คาดการณ์ว่าการตัดจำหน่ายสินทรัพย์น่าจะอยู่ที่ราว 500 ล้านบาทสำหรับปีนี้ และปีหน้า ช่วยชดเชยผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ลดลงตั้งแต่เดือน ส.ค.

ส่วนผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้นต่อในครึ่งหลังปี 63/64 จากต้นทุนที่ลดลงได้อีก โดยนับตั้งแต่ต้นปี AEONTS มีดอกเบี้ยจ่ายลดลง 14% และตลาดที่เปลี่ยนไปในช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น และ AEONTS ได้เริ่มมีการลงทุนในระบบออนไลน์มาตั้งแต่ปีก่อนหน้า และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจตามกระแสของดิจิทัล และจะได้เงินออมจากสาขาขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นมาทดแทนหุ้นกู้ 4.4 พันล้านบาท ที่มีดอกเบี้ยสูงในช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้า

AEONTS เผยว่ามีสินเชื่อเพียง 300 ล้านบาท หรือ 0.4% ของสินเชื่อทั้งหมดเทียบกับสินเชื่อ 10% ในไตรมาสก่อน และได้มีการเก็บเงินจากลูกค้าได้กว่า 80.8% (สูงกว่าที่คาด) และ 98.5% สำหรับลูกค้าที่อยู่ภายใต้โครงการ ซึ่งดีกว่าที่ AEONTS คาด และมีการตั้งสำรองไว้ 1 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน หากเป็นอย่างนี้ต่ออีก 2-3 ไตรมาสจะทำให้การตั้งสำรองถูกชดเชยจากพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น

ส่วนบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์คาดว่า AEONTS จะมุ่งเน้นลดต้นทุนเพื่อชดเชยกับแนวโน้มรายได้ที่อ่อนแอในระยะใกล้นี้ โดยผู้บริหารมีแผนขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และบันทึกกำไรในครึ่งหลังปี 63/64 จึงปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการปี 63/64 ขึ้น 4-5% เพื่อสะท้อนถึง non-NII ที่ดีขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่ดี พร้อมมองเป็นจังหวะในการเข้าสะสมหลังราคาหุ้นลดลง 39% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและต่ำกว่า SET ถึง 21%

ทั้งนี้ คาดกำไรหลักในไตรมาส 3 ปี 63/64 จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยประเมินว่าการกำหนดอัตราดอกเบี้ยใหม่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของ AEONTS ประมาณ 100-150 ล้านบาท/เดือน อย่างไรก็ตาม AEONTS น่าจะเริ่มขาย NPL และบันทึกกำไรเพื่อชดเชยกับกำไรหลักที่อ่อนแอในไตรมาส 3/63

AEONTS รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 63/64 (มิ.ย.-ส.ค.63) ที่ 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากไตรมาสก่อน จากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงและควบคุมต้นทุนได้ดี โดยสินเชื่อลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังสินเชื่อบัตรเครดิต ลดลง 3% และสินเชื่อส่วนบุคคล ลดลง 4% ด้านอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง 110bp จากไตรมาสก่อน เป็น 19.1% เนื่องจากผลกระทบหนึ่งเดือนของดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Non-NII เติบโต 5% จากงวดปีก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากหนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) ลดลง 12% จากงวดปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน นำโดยการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลและการตลาดได้ดี ทั้งนี้ AEONTS ลดจำนวนพนักงานลง 5% ในครึ่งแรกปีนี้

ทั้งนี้ เชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์น่าจะดีขึ้น โดยผู้บริหารระบุว่าเงินกู้ของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการปลอดหนี้ลดลงเหลือเพียง 300 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 63/64 จาก 3.5 พันล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 63/64 ขณะที่อัตราการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 98.5% ในไตรมาส 2 ปี 63/64 จาก 80.9% ในไตรมาส 1 ปี 63/64 ในแง่บวก NPL coverage ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 351% หลังจากที่ AEONTSตั้งสำรองเพิ่มเติมรองรับการนำ TFRS9 มาใช้ในไตรมาส 1 ปี 63/64 จึงคาดว่า AEONTS จะกลับสำรองหนี้สูญบางส่วน (มีสำรอง 1 พันล้านบาทภายใต้ management overlay ณ ไตรมาส 2 ปี 63/64) หลังจากที่คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าที่คาดไว้มาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ