(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่ง Sideway down ปัจจัยใน-นอกปท.กดดัน/จับตาประชุมครม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 20, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway down โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อยราว 0.1-0.2% เผชิญแรงกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งแตะระดับ 40 ล้านคนแล้ว และการเจรจาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ไม่ได้คืบหน้า ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งยังต้องลุ้นว่าจะได้ก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐฯหรือไม่

ทั้งนี้ บ้านเรายังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่ยังคงมีการชุมนุมทางการเมืองหากยืดเยื้อก็จะไม่เป็นผลดีต่อตลาดฯ อย่างไรก็ดีหากดัชนีฯลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,200 จุดก็จะเข้าเขต Oversold ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ในช่วงสั้น ๆ โดยวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ติดตามว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ และให้จับตาการประกาศผลประกอบการของแบงก์ขนาดใหญ่งวดไตรมาส 3/63 ที่จะทยอยออกมา ส่วนแบงก์ขนาดเล็กส่วนใหญ่ที่ประกาศออกมาแล้วก็ดีกว่าคาด รวมถึงติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,200-1,190 จุด ส่วนแนวต้าน 1,215-1,220 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,195.42 จุด ร่วงลง 410.89 จุด (-1.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,426.92 จุด ลดลง 56.89 จุด (-1.63%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,478.88 จุด ลดลง 192.67 จุด (-1.65%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.52 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 83.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 29.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 18.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.39 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ต.ค.63) 1,208.75 จุด ลดลง 24.93 จุด (-2.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 366.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ต.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ต.ค.63) ปิดที่ 40.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ต.ค.63) อยู่ที่ 1.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.22 อ่อนค่าเล็กน้อยจากวานนี้ จับตาการเมืองในปท.-แผนกระตุ้นศก.สหรัฐ
  • ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยชี้หุ้นไทยซึมยาว หากการชุมนุมยืดเยื้อ แถมไร้ปัจจัยบวกหนุน หวังรัฐบาลเร่งหาทางออก ขณะกองทุนในประเทศขายต่อเนื่องอีก 3.71 พันล้านบาท กดดัชนีร่วง 25 จุด โบรกประเมินหากเกิดความรุนแรงกดหุ้นดิ่งแตะ 1,150 จุด
  • ส.อ.ท. เกาะติดม็อบหวั่นลากยาว ดึงมือที่ 3 ป่วน ซ้ำเติมเศรษฐกิจ แนะรัฐเร่งหาทางออกให้จบภายในเดือนนี้ หนุนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อก เผยดัชนีเชื่อมั่น ก.ย. 63 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 5 ไม่อยากเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคทำให้เชื่อมั่นลดลงอีก
  • ทอท.อ่วมยอมรับสถานะทางการเงินสดใช้ได้ถึงกลางปีหน้า ลุ้นวัคซีนรักษาโควิด หวั่นหากผิดแผน ต้องเล็งกู้เสริมสภาพคล่อง-บริหารรายจ่าย พร้อมเร่งแผนซ่อมรันเวย์-แท็กซี่เวย์
  • นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 150,345 คัน สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 100,000 คันเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ลดลง 40.13% อยู่ที่ 453,643 คัน ส่วนยอดผลิตเพื่อส่งออกลดลง 25.41% อยู่ที่ 67,964 คัน 9 เดือนลดลง 37.49% อยู่ที่ 509,423 คัน รวมยอดผลิตรถยนต์ 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 963,066 คัน ซึ่งแม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.76%
  • นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า ในปี 2562 ทั่วทั้งโลกมีความต้องการใช้เหล็กสูงถึง 1,767 ล้านตัน แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและสังคมโลกอย่างรุนแรงนั้นทำให้ความต้องการใช้เหล็กรวมของโลกในปี 2563 ถดถอยลงโดยคาดว่าจะเหลือ 1,725.1 ล้านตัน ลดลง 2.4% จากปี 2562

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PRAPAT (บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO ที่ 1.50 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น PRAPAT ประเมินราคาเป้าหมาย 1.85 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2563 -62% Y-Y ก่อนฟื้นเด่น +103% Y-Y ในปี 2564 โดยบริษัทฯผลิตและจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 กระทบกลุ่มโรงแรมซึ่งเป็นลูกค้าหลัก แต่ชดเชยได้บางส่วนจากลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมและครัวเรือน
  • IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 35 บาท Top pick กลุ่ม Global play ผลประกอบการจะค่อย ๆ ฟื้นตัวตามแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์และ Spread ที่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (คลาย lockdown)
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 17 บาท คาดกำไร Q3/63 -13% Q-Q แต่โตแรง +54% Y-Y หนุนโดย Gross Margin ที่ขยายตัว ขณะที่แนวโน้ม Q4/63 คาดทำจุดสูงสุดของปีหนุนด้วยการเปิดตัว iPhone 12 และสินค้า Gaming พร้อมคาดกำไรปี 2563-2565 โต +18%/15%/16% ตามลำดับ สะท้อน Margin ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง ส่วนด้านสภาพคล่องในการดำเนินงานดีขึ้นตาม Cash Cycle ที่ทยอยลดลง ราคาหุ้นปรับฐานแรงลงใกล้แนวรับสำคัญ 14 บาททำให้ Upside กว้างขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ