MPT ปรับกลยุทธตั้งเป้าพลิกฟื้นมีกำไรใน Q3/50 จากขาดทุน 797 ลบ.ใน Q2/50

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 10, 2007 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสตีเฟ่น เกลน แคมเบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี (MPT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 นี้ ปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่าน รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้น ด้วยปริมาณงานคงค้างในมือจำนวนมาก และการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ
"เรามีเป้าหมายหลัก เพื่อฟื้นผลประกอบการของบริษัทฯ ให้กลับมามีกำไรได้อีกครั้งใน ไตรมาส 3 ปีนี้"นายสตีเฟ่น กล่าว
ประกอบกับจากการประเมินปริมาณความต้องการของลูกค้าล่าสุด บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสที่ 3/50 จะมีปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านประมาณ 95-100 ล้านชิ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และมีผลประกอบการเป็นกำไรหลังจาก Q2/50 บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิถึง 797.52 ล้านบาท
อีกทั้งคาดว่าความต้องการแขนจับหัวอ่านจะเติบโตเพิ่มมากขึ้นในครึ่งปีหลัง ในขณะที่บริษัทกำลังเดินหน้าผลิตแขนจับหัวอ่านสำหรับฮาร์ด ดิสก์ ไดร์ฟ ขนาด 3.5 นิ้ว ความจุ 250 กิกะไบต์ และแขนจับหัวอ่านสำหรับฮาร์ด ดิสก์ ไดร์ฟ ขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 120 กิกะไบต์ ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และด้วยสัดส่วนสินค้าที่ดีขึ้นระหว่างแขนจับหัวอ่านรุ่นใหม่และการสิ้นสุดการผลิตและส่งมอบของแขนจับหัวอ่านที่ออกสู่ตลาดมานาน ซึ่งหมดความนิยมแล้ว
"เราคาดหวังว่าราคาขายจะปรับตัวดีขึ้น และรายได้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้" นายสตีเฟ่นกล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัททั่วโลกเพื่อลดต้นทุน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นผลประกอบการให้กลับมามีกำไรได้อีกครั้งในปีนี้ ควบคู่กับวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าวนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลง และลดขนาดการผลิตที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
สำหรับผลประกอบการ Q2/50 ที่มีผลขาดทุน เนื่องจากได้รวมถึงค่าใช้จ่ายพิเศษที่ไม่ใช่เงินสด จำนวน 468.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการตั้งสำรองการด้อยค่าสินทรัพย์ และตัดจ่ายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตแขนจับหัวอ่านรุ่นเก่า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีค่าใช้จ่ายในการปรับลดแรงงาน 42.7 ล้านบาท อันเกิดจากการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัททั่วโลก ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษจากจากการตั้งสำรองการด้อยค่าสินทรัพย์ การตัดจ่ายสินทรัพย์ และการปรับลดแรงงานดังกล่าวนี้ ในไตรมาส 2/2550 บริษัทฯจะมีผลขาดทุนสุทธิ 286.6 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ