TPIPP เผย Q3/63 ปริมาณผลิตไฟฟ้าทำนิวไฮหลังเพิ่ม Boiler-รง.ปูนกลับมาผลิตปกติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 11, 2020 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/63 บริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าได้ราว 615.347 ล้านหน่วย โดยปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่หลังติดตั้งหม้อต้มไอน้ำบางส่วน (Boiler) แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 95% อีกทั้งยังรับผลบวกจากปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัทแม่ (TPIPL) เริ่มกลับมาเดินเครื่องจักรภายหลังหยุดซ่อมบำรุง ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อรักษาผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนรองรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่จะเริ่มสิ้นสุดการได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำหรับโรงไฟฟ้า 18 MW ในอีก 2 ปีข้างหน้า คือ เดือน ม.ค.65 และอีก 55 MW จะสิ้นสุดในเดือน ส.ค.65 อย่างไรก็ตาม แม้จะสิ้นสุดการได้รับค่า Adder แต่ TPIPP ยังคงมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟผ.ที่ราคาไฟฟ้าฐานได้ตลอดสัญญาซึ่งสามารถต่ออายุได้

พร้อมกันนี้ TPIPP ยังก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ที่จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้า 40 MW และอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า จากเดิมที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้าให้แก่ TPIPL จะปรับเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิง RDF เพื่อให้โรงไฟฟ้าดังกล่าวผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายแก่ EGAT แทน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย คาดว่าจะรู้ผลต้นปีหน้า

สำหรับความคืบหน้าโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต (Futuristic Advanced Industrial City) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา ได้มีมติ ให้เปลี่ยนผังเมือง อ.จะนะ 3 ตำบล คือ ต.นาทับ ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน จากสีเขียวซึ่งเป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ให้เป็นสีม่วงซึ่งเป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรม เพื่อรองรับโครงการอุตสาหกรรมก้าหน้าแห่งอนาคต หลังจากนั้นจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่เหมาะสม มีความพร้อมในการพัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตมากขึ้น ทั้งในด้านสาธารณูปโภค การคมนาคม ท่าเรือน้ำลึก เพื่อขนส่งสินค้าส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบ อะไหล่ เครื่องจักร การค้า การลงทุน การธนาคาร การท่องเที่ยว การศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ความอยู่ดีกินดีชองสังคม ประชาชนในอนุภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ