RSP คาดธุรกิจ Q4/63 ดีขึ้น หลังเน้นขายออนไลน์-มาตรการรัฐหนุนบริโภค

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 13, 2020 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ริช สปอร์ต (RSP) เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้เน้นกลยุทธ์การขยายผ่านทางช่องทางออนไลน์ สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันมีการขายผ่านช่องทาง Lazada, Shopee, Line Official เป็นหลัก คาดสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนกว่า 5% ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าร่วมโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งเป็นมาตรการของภาครัฐบาล ที่ออกมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ในช่วงปลายปีกันอย่างคึกคัก รับไฮซีซั่นธุรกิจ พร้อมกันนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและกิจกรรมทางการตลาด ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ โดยมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมยอดขายกับห้างสรรพสินค้าดังต่าง ๆ รวมถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขายกับบัตรเครดิต มีสิทธิพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดออนไลน์ เช่น live สด รวมถึงการลงประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านเพจต่าง ๆ พร้อมปรับแนวทางบริหารจัดการ และค่าใช้จ่ายในการบริหาร คาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 จะกลับมาดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาได้

"การดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี จะเน้นทั้งการเพิ่มยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ขยายสาขาใหม่และขยายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด-19 มีการรับมือที่ดี และมองว่าจะไม่กระทบกับผลการดำเนินงานโดยรวมในครึ่งปีหลังนี้มากนัก เนื่องจากฐานลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นคนไทย ประกอบกับมีการปรับกลยุทธ์ทางการขายต่อเนื่อง" นางสาวพาพิชญ์ กล่าว

สำหรับจำนวนสาขาภายใต้การบริหาร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 218 สาขา แบ่งเป็นแบรนด์ Converse มีจำนวน 154 สาขา แบรนด์ Havaianas 26 สาขา แบรนด์ Pony 19 สาขา แบรนด์ Cole Haan 10 สาขา และแบรนด์ Barrel 9 สาขา สำหรับแบรนด์ Havaianas ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว concept store ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์อีกด้วย

ด้านผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 260.5 ล้านบาท ลดลง 11.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 293.5 ล้านบาท สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำไรขั้นต้นรวม เท่ากับ 139.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 53.6% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 126.9 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีการบันทึกขาดทุนจากการขายและการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น (เงินลงทุนชั่วคราว) สำหรับไตรมาสที่ 3/63 เป็นจำนวน 8 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่ายุติธรรมทางการเงินหมุนเวียนอื่นลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ