ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,437.78 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 77,321.67 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,444.53 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,429.43 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 814 หลักทรัพย์ ลดลง 822 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 497 หลักทรัพย์
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุน และตลาดสหรัฐฯก็ปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และคืนนี้ก็จะเปิดทำการแค่ครึ่งวัน ทำให้ Fund Flow ชะลอ และตลาดฯก็เคลื่อนไหวไม่กว้างมาก อีกทั้งต่างก็รอดูการปรับน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งก็จะมีการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลงราว 3-4 พันล้านบาท ทำให้ไปกดดันหุ้นขนาดใหญ่ด้วย
นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 2 ธ.ค.ให้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และให้ติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกเฉลี่ย 0.5% หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนพุ่งขึ้น 28.2% ในเดือนต.ค. ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะผันผวน พร้อมให้แนวรับ 1,415 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCGP มูลค่าการซื้อขาย 2,885.40 ล้านบาท ปิดที่ 41.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,608.14 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,274.48 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,152.28 ล้านบาท ปิดที่ 113.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,146.78 ล้านบาท ปิดที่ 236.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท