ASIAN วางงบ 500 ลบ. M&A 3 กลุ่ม เพิ่มผลิต Pet Food,ซื้อแบรนด์อินเตอร์,ดิสทริบิวชั่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 1, 2020 12:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 64 ราว 500 ล้านบาท สำหรับลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจที่จะเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย จากปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 38,000 ตัน/ปี ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บจก.เอเซี่ยนอะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (บริษัทย่อยของ ASIAN) ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรองรับการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยง

2.ลงทุนกับแบรนด์ โดยเฉพาะในแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และ 3.กิจการที่เกี่ยวข้องกับดิสทริบิวชั่น หรือการจัดจำหน่ายในประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของ ASIAN

ขณะเดียวกันยังวางบลงทุนราว 400 ล้านบาท รองรับการซื้อเครื่องจักรอัตโนมัติทดแทนแรงงานคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานคนให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (PET FOOD BUSINESS) อีก 1 ไลน์ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/64

รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็ง (FROZEN) โดยเฉพาะในกลุ่มของทอด คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 1/64 ซึ่งปัจจุบัน FROZEN มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง แบ่งเป็น โรงงานที่จังหวัดสมุทรสาคร มีกำลังการผลิตในกลุ่มของทอดอยู่ที่ 7,800 ตัน/ปี และโรงงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งดำเนินการในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบดิบ (ซาซิมิ) มีกำลังการผลิตที่ 7,800 ตัน/ปี เช่นกัน

ปัจจุบันบริษัทถือว่ามีงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำราว 0.9 เท่า

นางสาววรัญรัชต์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 63 บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 8.4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 8.33 พันล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้แล้วราว 6.46 พันล้านบาท เป็นไปตามกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มียอดขายเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งจากลูกค้ารายเดิม และรายใหม่ในยุโรป, ญี่ปุ่น ที่เพิ่มเข้ามา อีกทั้งในไตรมาส 3/63 ก็มีการเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ถุง Pouch Pet Food ขณะเดียวกันก็มีการปรับกลยุทธ์การขายในแบรนด์ Monchou มากขึ้น คาดว่าการขายผลิตภัณฑ์กลุ่มแบรนด์ และการขายในประเทศก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกในไตรมาส 4/63 ประกอบกับยังมีการเปิดตัวแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ที่สองชื่อ ฮาจิโกะ ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารสุนัขสำหรับตลาดอาหารสุนัขราคาย่อมเยาว์ คาดหวังว่าจะสนับสนุนยอดขายในไตรมาสสุดท้ายของปีให้เติบโตมากขึ้น

ด้านธุรกิจ FROZEN ในไตรมาส 4/63 ยังมีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มของทอด ส่วนกลุ่มอาหารสัตว์น้ำ ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจทูน่า ก็ยังมีออร์เดอร์สูง ซึ่งบริษัทก็มีการเลือกรับผลิตในส่วนที่มีอัตรากำไรดี

นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 15% ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากปัจจุบันอยู่ที่ 16.9% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ขณะที่ธุรกิจของ ASIAN เป็นธุรกิจส่งออกถึง 80%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ