หุ้น SAK ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 7.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.55 บาท (+95.95%) จากราคาขาย IPO ที่ 3.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,072.57 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 7.05 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 7.45 บาท และราคาลงต่ำสุด 6.75 บาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายสร้างการเติบโตในทุกมิติภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 66 พอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท จากการขยายสาขาและขยายพอร์ตสินเชื่อตามแผนการใช้เงินจาก IPO และการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยกระดับการให้บริการสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก และควบคุมความเสี่ยงเรื่องคุณภาพของสินเชื่ออีกด้วย
"ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ SAK คือ ลูกค้ารายย่อยที่เป็นฐานรากของเศรษฐกิจ โอกาสการเติบโตของตลาดสินเชื่อรายย่อยยังมีอีกมาก ภายหลังความสำเร็จจากการระดมทุน IPO ของ SAK ทำให้ SAK มีแหล่งเงินทุนและมี D/E ต่ำ วันนี้ SAK พร้อมรุกขยายธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกมิติ เพื่อผลักดันให้ SAK ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการสินเชื่อระดับชาติ จากฐานทุนที่แข็งแกร่งภายหลังการระดมทุนจาก IPO ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่สั่งสมผ่านบุคลากรที่มีความเข้าใจในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเป็นอย่างดี" นายศิวพงศ์ กล่าวสำหรับผลประกอบการช่วง 9 เดือนปี 63 SAK สามารถสร้างรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ 1,215 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 408 ล้านบาท และยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิเป็น 33.6% โดยสามารถลดอัตรา NPL ลงเหลือ 2.6% (ค่าเฉลี่ย NPL ในอุตสาหกรรมที่ [3.8]%) สะท้อนการบริหารความสามารถจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดี
ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,247 ล้านบาท จากจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม 231,729 สัญญา แบ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกันกว่า 90% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าวช่วยตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจพร้อมรับการขยายพอร์ตสินเชื่อหลังเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี
ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ "ซื้อ" หุ้น SAK ราคาเป้าหมายสิ้นปี 64 ที่ 4.50 บาท มูลค่ายุติธรรมสะท้อน PBV ปี 64 ที่ 1.6 เท่า SAK เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มบริษัทการเงิน ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจทวงถามหนี้และสินเชื่อส่วนบุคคลยาวนานมากกว่า 30 ปี โดยชอบ SAK จากคาดการณ์กำไรที่เติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปี สำหรับปี 63-65 และคุณภาพสินเชื่อที่ดีเยี่ยม ด้วย NPL ratio ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม