หุ้น SAK ปิดเทรดวันแรกที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท (+121.62%) จากราคาขาย IPO ที่ 3.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 4,750.89 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 7.05 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 8.20 บาท และราคาลงต่ำสุด 6.75 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมมองเป็นบวกสำหรับ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) โดยราคา IPO ของ SAK อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกจากแผนขยายสาขาในอนาคตจาก 519 สาขา เป็น 1.12 พันสาขา สำหรับ SAWAD และ MTC ณ สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขาอยู่ที่ประมาณ 4.8 พันสาขา
ด้านตลาดให้มูลค่าที่เหมาะสมปี 64 ที่ 4.3-4.6 บาท คิดเป็น PER ที่ 15.4-16.5 เท่า และ PBV ที่ 1.66-1.77 เท่า เทียบกับ MTC และ SAWAD ที่มี PER 21 เท่า และ 18.4 เท่า ตามลำดับ ทำให้ ณ ระดับราคา IPO ที่ 3.70 บาท คิดเป็น PER ที่ 13.3 เท่าสำหรับปี 64 เป็นราคาที่ไม่แพง
ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อโตเท่าตัวเป็น 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 66 สินเชื่อที่หดตัวลงในช่วง 9 เดือนปี 63 ราว 5.8% เป็น 6.4 พันล้านบาท เนื่องมาจากผลของโรคระบาด และการเสริมสภาพคล่อง ขณะที่การมาของวัคซีน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้สินเชื่อของบริษัทโตขึ้น ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตเท่าตัวเป็น 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 66 จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 519 สาขา เป็น 1.12 พันสาขา และมองว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนยังมีโอกาสในการเติบโต เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายมีตลาดเป็นของตัวเอง
ส่วน NPL อยู่ที่ 2.62% และการตั้งสำรองที่ 107% ในช่วงไตรมาส 3/63 โดย NPL ได้สูงสุดไปแล้วที่ 3.32% ในช่วงไตรมาส 2/63 ก่อนที่จะลดลงเป็น 2.62% ในช่วงไตรมาส 3/63 และ NPL ที่เพิ่มขึ้นจาก 1.42% ในช่วงไตรมาส 4/62 มาจากการปรับมาตรฐานทางบัญชี ทำให้บริษัทคาดว่า NPL จะไม่เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ทั้งนี้ ตลาดคาด EPS ที่ 0.28 บาทสำหรับปี 64 และ 0.35 บาทสำหรับปี 65 โดย SAK รายงานผลประกอบการ 9 เดือนปี 63 ที่ 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.8% YoY การดำเนินงานหลักคงที่ YoY เนื่องจากปีก่อนมีค่าใช้จ่ายพิเศษ ด้านกำไรก่อนการตั้งสำรองอยู่ที่ 416 ล้านบาทใน 9 เดือนปี 63 ลดลง 8.4% YoY ในขณะที่ตลาดคาดผลประกอบการปี 2563 ไว้ที่ 521 ล้านบาท และผลประกอบการปี 64-65 ของตลาดอยู่ที่ 584 ล้านบาท และ 730 ล้านบาทตามลำดับ