(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าร่วงแรง วิตกโควิดในปท.ระบาดรอบใหม่-ตปท.ขายกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 21, 2020 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะเปิดปรับตัวลดลงตามแรงขายแบบตื่นตระหนก (panic) และมีโอกาสที่ดัชนีจะร่วงลงราว 1-2% หลังพบการระบาดรอบใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ โดยวานนี้พบผู้ติดเชื้อวันเดียวมากกว่า 500 ราย ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับจากการระบาดครั้งแรก โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร ซึ่งอาจจะกระทบต่อหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และกระทบต่อมายังเศรษฐกิจของประเทศลำดับต่อไป

สำหรับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องและคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ได้แก่ ท่องเที่ยว, สายการบิน, ศูนย์การค้า, ค้าปลีก, กลุ่มบริการอย่างโรงภาพยนตร์, ขนส่งอย่างรถไฟฟ้า, สื่อโฆษณา, อสังหาริมทรัพย์, นิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ในพื้นที่จ.สมุทรสาคร อย่าง CPF , TU ,ASIAN เป็นต้น รวมถึงกลุ่มแบงก์ที่จะได้รับผลกระทบต่อจากภาคธุรกิจด้วย

นอกจากนี้การที่ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นราว 300 จุด ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือน ก็อาจทำให้เผชิญแรงขายทำกำไรออกมา หลังเมื่อวันศุกร์ก็มีแรงขายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติออกมาค่อนข้างมาก ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่า และเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงก็อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจจะยังขายได้ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบรรยากาศการลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่เผชิญแรงขายทำกำไร หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลล์ตามที่คาดแล้ว โดยตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่ปรับลดลง และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ดีดตัวขึ้นได้ก่อนหน้านี้ก็เริ่มอ่อนแรงลง

นายกิติชาญ มองว่าตลาดหุ้นไทยคงจะปรับตัวลดลงรับ Sentiment เชิงลบดังกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากประเทศที่เคยกลับมาระบาดรอบใหม่ อย่างเวียดนาม ออสเตรเลีย เกาหลี ดัชนีหุ้นก็ปรับลดลงเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะกลับมายืนได้ ขณะที่อาจจะยังมีแรงซื้อของกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาในช่วงปลายปีด้วย ตลอดจนยังมีหุ้นที่น่าจะยังได้ประโยชน์จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ อย่าง MEGA , STGT , กลุ่มประกัน เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับที่ 1,450 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,179.05 จุด ลดลง 124.32 จุด
(-0.41%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,709.41 จุด ลดลง 13.07 จุด (-0.35%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,755.64 จุด ลดลง 9.11 จุด (0.07%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.51 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 70.71 จุด , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 75.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.79 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ธ.ค.63) 1,482.38 จุด ลดลง 1.51 จุด (-0.10%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,594.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ธ.ค.63) ปิดที่ 49.10 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ธ.ค.63) อยู่ที่ 1.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 29.91 อ่อนค่าสุดในภูมิภาค จากกังวลโควิดในปท.ระบาดรอบใหม่-จับตากนง.
  • สาธารณสุข เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชื่อมโยง "ตลาดกลางกุ้ง" จ.สมุทรสาคร 689 ราย มีลามไปที่ กรุงเทพฯ 2 ราย สมุทรปราการ 3 ราย นครปฐม 2 ราย ราชบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนที่อยุธยาเจอ 1 ราย กลับจากเชียงใหม่ นายกฯ สั่งพาณิชย์คุมราคาหน้ากากอนามัยไม่ให้แพง ไม่ให้ขาดตลาด กทม.ขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน งดจัดงานปีใหม่ทุกที่ พร้อมปิดโรงเรียน 3 เขตเชื่อมต่อสมุทรสาคร 14 วัน
  • นายกฯสั่งตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกทุกจังหวัดที่เชื่อมโยงตลาดกลางกุ้ง หลังยอดติดเชื้อวันเดียวพุ่ง 576 ราย ชี้ 90% เป็นแรงงานชาวเมียนมา ศบค.ขยายวงค้นหาเพิ่มเติม 7 จังหวัดเป้าหมาย 10,000 ราย สาธารณสุขลั่นคุมสถานการณ์ได้เร็วสุดใน 2-4 สัปดาห์
  • เอกชนเข้มมาตรการป้องกันโควิด ส.อ.ท.นัดหารือวันนี้ ยกระดับการดูแลโรงงาน หอการค้าสมุทรสาครชี้ล็อกดาวน์เสียหายวันละ 1 พันล้านบาท โรงงานห่วงกระทบโลจิสติกส์ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งยืนยันไม่มีเชื้อโควิดปนสินค้า สรท.หวั่นระบาดขยายวงชี้ระยะสั้นไม่กระทบส่งออก ด้าน "สุริยะ" สั่งคุมเข้มโรงงานในสมุทรสาคร
  • สำนักวิจัยเศรษฐกิจผวาโควิดระบาดระลอก 2 ฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า "ทีเอ็มบี" หวั่นล็อกดาวน์ลามทั่วประเทศ กระทบต้นทุนทางเศรษฐกิจรอบใหม่ 4-5 แสนล้านบาท แนะรัฐเร่งคุมการระบาด
  • นายกรัฐมนตรีทุ่ม 3.2 พันล้านบาท เดินหน้าแผนพัฒนาการเกษตรพื้นที่อีอีซี ปั้นเป็นต้นแบบเพิ่มจีดีพีท้องถิ่น เริ่มปีหน้า 56 โครงการ ใน 5 กลุ่มสินค้าเป้าหมาย
  • กนอ.โชว์ผลงาน 9 เดือนขาย-เช่าที่ดินนิคมอุตสาหกรรม 2.1 พันไร่ โกยเงินลงทุน 2 แสนล้านบาท ดันจ้างงานพุ่ง 3 หมื่นคน เผยอีอีซียังบูม ลุ้นปี 2564 ยอดขาย-เช่าที่ดินพุ่งแตะ 2.5 พันไร่

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (เคทีบีฯ) แนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 150 บาท หลังมองบวกจากข่าวลูกหนี้ออกจากโครงการพักชำระหนี้กลับมาชำระหนี้ปกติได้เกือบ 90% โดยมีเพียงกว่า 10% เท่านั้นที่ยังต้องช่วยเหลือ และพอร์ตลูกหนี้ของธนาคารยังมีคุณภาพดี การกลับมาชำระหนี้ของ SME ได้ถึง 90% ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับแบงก์ใหญ่ที่อยู่ 70% ขณะที่ BBL มีลูกหนี้ที่เข้าโครงการช่วยเหลือ (Debt Relief) ที่ 5% ของสินเชื่อรวมน้อยสุดในกลุ่มฯ (เฉลี่ยของกลุ่มฯอยู่ที่ 23%) ช่วยยืนยันความคิด Debt Relief จะมีผลต่อ BBL น้อยและจะส่งผลให้ตั้งสำรองฯเพิ่มน้อยกว่ากลุ่มฯในช่วง Q4/63-Q1/64 ด้าน NPL ตามที่ผู้บริหารเปิดเผยว่าใน Q4/63 แนวโน้มลดลง มองเป็นสัญญาณดี โดยยังคงให้ BBL เป็น top pick เพราะมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองฯเพิ่มน้อยที่สุดและมี coverage ratio สูงที่ 178%
  • TQM (กรุงศรี) แนะ "ซื้อ" เป้า IAA Consensus ที่ 148.5 บาท ทั้งนี้ มองไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะหนุนยอดซื้อประกันเพื่อคุ้มครองผลกระทบจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากขึ้น หนุนรายได้และกำไรสุทธิ Q4/63 และ ต้นปีหน้าเติบโตต่อเนื่อง
  • STGT (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ "เก็งกำไร" จากแนวโน้มกำไร Q4/63 ที่น่าจะออกมาดีกว่าตลาดคาด ผสานกับอานิสงค์บวกระยะสั้นจากสถานการณ์โควิด-19 น่าจะหนุนให้ตลาดกลับมาให้ความสนใจ และมีโอกาสการปรับมุมมองในแง่ multiple P/E มากขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจากปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E ค่อนข้างต่ำ หลังจากการพัฒนาวัคซีนสำเร็จ นอกจากนี้ยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ