ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,468.24 จุด เพิ่มขึ้น 18.89 จุด (+1.30%) มูลค่าการซื้อขาย 89,208.19 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกในการเทรดภาคบ่าย โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,468.27 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,425.48 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 695 หลักทรัพย์ ลดลง 853 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 362 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวน โดยในช่วงเช้าดัชนีฯได้ปรับตัวลงจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงบ่ายดัชนีฯได้ดีดกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้หลังจากที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่อยากให้มีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ และกำลังหามาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ อีกด้วย ทำให้เล็งเห็นว่าเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้ เงินบาทก็แข็งค่าทำให้เอื้อต่อกลุ่ม Global plays อีกทั้งราคาน้ำมันก็ยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าด้วย โดยวันนี้หุ้นที่พยุงตลาดขึ้นมาเป็นหุ้นในกลุ่ม Global plays อย่างหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มพลังงาน, กลุ่มโลจิสติกส์ รวมถึงหุ้น DELTA ด้วย ทำให้โมเมนตัมตลาดฯดี และในช่วงบ่ายยังได้แรงหนุนจากตลาดในยุโรปเคลื่อนไหวในแดนบวกเฉลี่ย 1% จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า และการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ ทำให้กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ขยับขึ้นมาได้ และหนุนตลาดบ้านเราให้ขึ้นได้แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี บ้านเราก็เริ่มเห็นการคุมเข้มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิดในแต่ละจังหวัด ซึ่งก็อาจทำให้เศรษฐกิจแผ่วลงในช่วงสั้น แต่มองว่ารอบนี้ผลกระทบจะไม่แรงเท่ารอบแรก เพราะรอบนี้มีการเตรียมความพร้อมได้ในระดับหนึ่ง และคนไม่ได้ตกใจเหมือนที่ผ่านมา
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากปัจจัยในประเทศยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะผลักดันให้ดัชนีฯปรับขึ้นต่อไปได้เรื่อย ๆ พร้อมให้แนวรับ 1,450 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด
ทั้งนี้ ความเสี่ยงยังอยู่ที่ปัจจัยในประเทศ จึงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป และติดตามทิศทางค่าเงิน เพราะถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังอ่อนค่าก็จะเอื้อต่อโมเมนตัมตลาดในเอเชีย
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 5,419.59 ล้านบาท ปิดที่ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.25 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 4,857.71 ล้านบาท ปิดที่ 528.00 บาท เพิ่มขึ้น 42.00 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 4,517.21 ล้านบาท ปิดที่ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 3,868.58 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,119.19 ล้านบาท ปิดที่ 42.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง