(เพิ่มเติม) SORKON พุ่งเป้าลุยตลาดตปท.ดันรายได้ปี 51 โต 10% จากปีนี้พลาดเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 27, 2007 14:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหหน้าที่บริหาร บมจ.อุตสาหกรรมอาหาร ส.ขอนแก่น (SORKON) คาดว่ารายได้ปี 50 จะอยู่ที่ 770 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 6% ซึ่งถือว่าลดลงจากเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 8% และอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้น่าจะลดลงจาก 6% ในปีก่อน เนื่องจากปีนี้บริษัทประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งขาดทุนจากฟาร์มสุกร ขาดทุนจากบริษัทในเครือ รวมทั้ง ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2-3 ล้านบาท 
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้จะมีกำไรสุทธิ แม้ว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาส 3/50 จะกลับมามีกำไร หลังจากไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมามีผลขาดทุน เนื่องจากยอดขายเริ่มดีขึ้นและสถานการณ์ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น
และบริษัทยังเชื่อว่า ในปี 51 รายได้จะเติบโตจากปีนี้ราว 10% จากการที่บริษัทหันมารุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะแถบยุโรป ซึ่งจะใช้เป็นฐานในการขยายไปสู่ตลาดในประเทศอื่นๆ ในอนาคต โดยขณะนี้บริษัทได้ว่าจ้างบริษัท Paruzel ผู้ผลิตในโปแลนด์ เป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับ SORKON เป็นเวลา 3 ปี ด้วยกำลังผลิตเบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 50 ตัน/เดือน เพื่อกระจายสินค้าให้ครอบคลุม 4 ทวีป ได้แก่ อเมริกา, เอเชีย, ยุโรป และ ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 53 หรืออีก 3 ปี สัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปัจจุบันที่มี 10% โดยจะเริ่มขยับเป็น 15% ในปีหน้า
"การให้โปแลนด์เป็นผู้ผลิตเนื่องจากเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นด้วย เป็นประเทศสมาชิกอียู ค่าแรงถูกประมาณ 4 หมื่นบาท/คน/เดือน ขณะที่ที่อื่น 1.2 แสนบาท/คน/เดือน อีกทั้งโปแลนด์ตั้งอยู่ศูนย์กลางของยุโรป น่าจะได้ประโยชน์เรื่องการลำเลียงสินค้าไปยังที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการสนับสนุนครัวไทยสู่ครัวโลก โดยบริษัทจะส่งวัตถุดิบไปเฉพาะเครื่องเทศ ส่วนเนื้อสัตว์สามารถหาได้จากประเทศใกล้เคียง เช่น เดนมาร์ก"นายเจริญ กล่าว
นายเจริญ กล่าวว่า บริษัทยังคงมีแผนงานที่จะออกสินค้าใหม่ยังต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย.50 จะออกสินค้าใหม่ในกลุ่มอาหารว่างชื่อ "SEA SNACK"และในปีหน้าจะมีการออกสินค้า เช่น หมูแดงสำเร็จรูป ขาหมูสำเร็จรูป คาดว่าจะวางตลาดได้ภายในไตรมาส 1/51
นอกจากนี้ จะใช้งบลงทุนจำนวน 30-50 ล้านบาท ลงทุนห้องเย็น และซื้อเครื่องจักรเพิ่ม หลังจากปีนี้บริษัทได้ลงทุนเครื่องจักรไปแล้วประมาณ 30 ล้านบาท
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัท มาจากธุรกิจในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10% โดยส่วนใหญ่มีรายได้จากลุ่มอาหารไทย หรืออาหารพื้นบ้าน สัดส่วน 64% , กลุ่มซีฟูด 26% และ กลุ่มอาหารว่าง 10%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ