บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ)เดินหน้าหาคู่ค้าใหม่เพื่อรับเป็นผู้จัดจำหน่ายหลัก หลังบอกเลิกสัญญา"ซัมซุง"คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนต.ค.นี้ ประเมินความเสียหายจากซัมซุงไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทเดินหน้าฟ้องคดีแพ่งและอาญา หยุดออร์เดอร์ล็อตใหม่เพื่อระบายสินค้าที่ยังเหลือในสต๊อกประมาณ 30% ให้หมดภายใน 1 เดือน
สำหรับผลกระทบจากการเลิกสัญญา"ซัมซุง"ซึ่งประเมินว่าจะกระทบกับเป้าหมายยอดขายและรายได้ในปี 50 ประมาณ 20% นั้นจะปรากฎชัดในงบการเงินไตรมาส 4/50 ส่วนงบไตรมาส 3/50 คาดว่ายังออกมาดีต่อเนื่องจาก H1/50 ที่ทำรายได้ไปแล้ว 2.9 พันล้านบาท เพราะเพิ่งบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นการกับซัมซุง อีกทั้งยังมีสินค้าอื่นให้จัดจำหน่ายอีกหลากหลายยี่ห้อ
นายพุทธชาติ รังคสิริ รองประธานกรรมการ TWZ เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการหาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อใหม่ เพื่อให้ บริษัท แซม คอร์ปอเรชั่น (SAM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ TWZ ถือหุ้นเกือบทั้งหมดได้เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในเดือน ต.ค.นี้
"ตอนนี้กำลังหาสินค้ายี่ห้ออื่นมาทำตลาดแทนเพื่อทดแทนรายได้ของซัมซุงที่หายไป ตอนนี้ก็มีหลายยี่ห้อที่กำลังติดต่ออยู่ คาดว่าประมาณเดือนหน้าคงจะเห็นความชัดเจน"นายพุทธชาติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ปัจจุบัน TWZ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยตรงของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อ เบนคิว-ซีเมนส์, โซนี่ อีริคซัน และ Leveno รวมทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับบริษัท ดิจิตอลโฟน และ บมจ.เอ็ม ลิ้ง เอเชีย คอร์ปอเรชั่น(MLINK)ด้วย
"ตอนที่เราจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท SAM เป็นการเฉพาะกิจด้านค้าส่งให้กับซัมซุง ดังนั้นการบริหารจัดการก็จะแยกอย่างเด็ดขาดจาก TWZ แต่หากวันข้างหน้ามีสินค้าอื่นที่เราจะทำเพิ่มและเป็น Co-distributor เหมือนที่เคยได้มาจากซัมซุงก็คงจะให้ SAM เป็นคนขาย"นายพุทธชาติ กล่าว
SAM มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 2,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท TWZ ถือหุ้น 99.99%
ส่วนเรื่องบริษัทลูกบอกเลิกสัญญากับบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ หลังจากบริษัทได้ทำหนังสือแจ้งไปทางคู่ค้า เพื่อให้ชำระค่างบทางการตลาด เงินต่างๆที่ยังคงค้าง ของแถม แพคเกจต่างๆที่เคยสัญญากันไว้แล้วก็ผิดสัญญา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 60 กว่าล้านบาททยังไม่รวมค่าดำเนินการทางคดี
"เราทำจดหมายทวงถามไปเมื่อวันศุกร์ เขาได้รับเมื่อวันเสาร์ว่าถ้าไม่ชดใช้ภายใน 3 วันก็ขอให้สัญญาที่แต่งตั้งเรายกเลิกไป และพอครบกำหนด 3 วันเราก็เลยแจ้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้นักลงทุนรับทราบว่าการยกเลิกสมบูรณ์แล้ว เนื่องจากเรามีจดหมายทวงหนี้ไปและไม่ชำระให้เราตามกำหนด เราก็เลยต้องดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป"นายพุทธชาติ กล่าว
แต่หากคู่กรณีมีการติดต่อกลับมา ก็จะต้องนำเงินมาคืนทั้งหมด แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ว่าจะเจรจากันอย่างไรต่อไป
นายพุทธชาติ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทหยุดสั่งซื้อสินค้าใหม่จากซัมซุงแล้ว ส่วนสินค้าที่ยังเหลือในสต็อกประมาณ 30% คาดว่าภายใน 1 เดือนน่าจะขายได้หมด
ส่วนเคาท์เตอร์ และ Shop ค้าปลีกในเครือ TWZ ที่ไม่มีผลกระทบเนื่องจากภายในร้านขายโทรศัพท์มือถือทุกยี่ห้ออยู่แล้ว อีกอย่างสินค้าของซัมซุงทำรายได้ประมาณ 10% ของรายได้รวม TWZ เท่านั้น ส่วนอีกกว่า 90% เป็นรายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือแบรนด์อื่นๆ เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเราก็คงต้องหาแบรนด์ใหม่มาบริการลูกค้า แต่จะมีผลกระทบบ้างในส่วนของค้าส่งของ SAM
*ยอมรับกระทบรายได้ 20% จากเป้า 8 พันลบ.
นายพุทธชาติ กล่าวยอมรับว่า การบอกเลิกสัญญากับซัมซุงอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ปี 50 ประมาณ 20% ดังนั้นเป้ารายได้ที่วางไว้ที่ 8 พันล้านบาท อาจจะทำได้ไม่ถึง แต่ผลกระทบคงจะเริ่มปรากฎชัดเจนในงบการเงินไตรมาส 4/50
ส่วนงบการเงินไตรมาส 3/50 คาดว่าน่าจะยังออกมาดีอยู่ เพราะเพิ่งจะบอกเลิกสัญญากับคู่ค้า และเชื่อว่ารายได้ยังน่าจะดีต่อเนื่องจากงวดครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,905.21 ล้านบาท กำไรสุทธิ 127.23 ล้านบาท ขณะที่ปี 49 ทั้งปีมีรายได้ 3,484.54 ล้านบาท กำไรสุทธิ 124.41 ล้านบาท
"ยอมรับรายได้อาจจะไม่ถึงเป้า 8 พันล้าน เพราะเปิดบริษัท SAM เพื่อทำซัมซุงอย่างเดียว แต่สิ่งที่จะมาใหม่จะมาทดแทนอย่างแน่นอน เพราะกำลังคน Network มี Connection กับลูกค้ายังอยู่ครบ ฐานะทางการเงิน เชื่อว่าจะยังสามารถก่อให้เกิดรายได้ทดแทนซัมซุงได้ไม่ยาก"นายพุทธชาติ กล่าว
นายพุทธชาติ กล่าวว่า ปัจจุบัน Nokia ยังทำยอดขายเป็นอันดับ 1 ให้ TWZ ในสัดส่วนประมาณ 60% Motorola ประมาณ 10% Samsung ประมาณ 10% Sony Ericcson 6-7%
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--