หุ้น JAK ปิดเทรดวันแรกที่ 2.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.57 บาท (+39.31%) จากราคาขาย IPO 1.45 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 445.19 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.26 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 2.36 บาท และราคาลงต่ำสุด 1.99 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของหุ้นบมจ.จักรไพศาล เอสเตท (JAK) ที่ 1.90-2.40 บาท แม้ว่าจะมี Trailing PER ที่สูง แต่เนื่องด้วยจำนวนโครงการที่เตรียมเปิดขายในปี 2564 และทำให้แนวโน้มยอดโอนมีเป็นจำนวนสูงกว่าปีก่อน ๆ มาก ทำให้ในสถานการณ์ปกติผลประกอบการของ JAK จะเติบโตได้สูง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเศรษฐกิจที่อ่อนแอและสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้มองว่าการซื้อโครงการและการโอนอาจมีความล่าช้าจากช่วงปกติ เป็นความเสี่ยงสำคัญที่กดดันราคาหุ้น
JAK ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในเขตพื้นที่ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล สระบุรี และภาคตะวันออก โดยบริษัทมีบริษัทร่วม 1 บริษัท คือ บริษัท เอ็ม.ที.เอส พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเช่นเดียวกัน โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทและบริษัทร่วมมีราคาขายประมาณ 1-5 ล้านบาท และมีขนาดเนื้อที่โครงการไม่เกิน 100 ไร่ กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทได้แก่ กลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงาน กลุ่มลูกค้าที่อยากมีบ้านหลังแรก และกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น (Local) พร้อมมีบริการสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ไม่สามารถกู้จากธนาคารได้
โครงการในอนาคตของบริษัท มีแผนที่จะมีการพัฒนาโครงการในอนาคต จำนวน 3 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,422 ล้านบาท คือ โครงการเฟิร์น เฟสที่ 2 ที่ชลบุรี มูลค่า 413 ล้านบาท ส่งมอบไตรมาส 1/64 โครงการ Canna มูลค่า 422 ล้านบาท ที่ชลบุรี ส่งมอบไตรมาส 2/64 และโครงการ Peony & Pine (รังสิต) มูลค่า 587 ล้านบาท ที่ปทุมธานี ส่งมอบไตรมาส 3/64 - ไตรมาส 2/65