EPG ปรับเป้ารายได้ปี 63/64 เป็นหด 10-12% จากเดิม 12% หลังโควิดคลี่คลาย-ทุกธุรกิจฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 23, 2021 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายรายได้งวดปี 63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) มาเป็นหดตัว 10-12% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 12% เนื่องจากสถานการณ์ในทุกๆ ธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อนึ่ง ในช่วง 9 เดือนของงวดปี 63/64 (เม.ย.63-ธ.ค.63) บริษัทมีรายได้ 6,874.9 ล้านบาท ลดลง 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 7,862.5 ล้านบาท

นายเฉลียว กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex เป็นสินค้าจำเป็นที่นำไปใช้ในระบบปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อุตสาหกรรมยา และคลีนรูม เป็นต้น ซึ่ง Aeroflex มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 29% และ ต่างประเทศ 71% ยอดขายในประเทศยังเติบโตช้าตามการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายในญี่ปุ่นและยุโรป

สำหรับการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะนำเครื่องจักรระบบ High speed มาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดว่าจะเริ่มทดสอบการผลิตได้ประมาณเดือน มิ.ย. 64

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 24% และต่างประเทศ 76% อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ Aeroklas ปรับตัวดีขึ้น สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย TJM Products Pty.Ltd (TJM) มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลียสูงขึ้นจากปีก่อน อีกทั้ง TJM ได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ เพื่อความสะดวกของลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ TJM มีแผนขยายแฟรนไชส์ TJMในทวีปเอเชีย ภายใน 2 ปี

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 94% และต่างประเทศ 6% โดย EPP ยังคงทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้แนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจึงเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาชดเชยกลุ่มถ้วยน้ำพลาสติกที่ชะลอตัวลง สำหรับกรณีที่จะมีมาตรการยกเลิกการใช้แก้วพลาสติกบางความหนาน้อยกว่า 100 ไมครอนในปี 65 นั้น EPP ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากถ้วยน้ำพลาสติก EPP มีขนาดมากกว่า 100 ไมครอน อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทไบโอพลาสติกและกระดาษเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค

"ในช่วงที่ผ่านมาเราได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการควบคุมต้นทุนในการผลิต และควบคุ้มค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ เพื่อที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 28-30% โดยในช่วงที่เหลือของงวดปี 63/64 นี้ บริษัทคาดหวังว่าภาพรวมธุรกิจจะสามารถฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และภาพรวมเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น"นายเฉลียว กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ