ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,491.11 จุด ลดลง 9.50 จุด (-0.63%) มูลค่าการซื้อขาย 96,248.34 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,507.78 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,485.94 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 593 หลักทรัพย์ ลดลง 1,039 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 426 หลักทรัพย์
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดเอเชียติดลบ โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกง หลังจากรัฐบาลฮ่องกงประกาศขึ้นภาษีอากรสแตมป์ (Stamp Duty) สำหรับการซื้อขายหุ้นจากระดับ 0.10% เป็น 0.13% เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 36 กดดันตลาดหุ้นอื่นในเอเชียด้วย
เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้แม้จะเปิดบวกได้เล็กน้อย แต่ก็อ่อนตัวลงในเวลาต่อมา เหมือนกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลง หลังจากผิดหวังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้มีเรื่องใหม่ แม้จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ชะลอลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเผชิญแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงอีกด้วย โดยตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
ส่วนตลาดบ้านเรา การเคลื่อนไหวของหุ้นยังเป็นไปตามผลประกอบการที่ออกมา หากงบฯออกมาดีหุ้นก็ไปได้ดี แต่ก็มีหลายบริษัทฯเริ่มทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผลทำให้ราคาปรับลง
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยพรุ่งนี้ และ การปรับลดน้ำหนักของ MSCI ส่วนนอกประเทศให้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ โดยตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลง โดยมีแนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
STA มูลค่าการซื้อขาย 7,914.70 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท
OR มูลค่าการซื้อขาย 4,786.13 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,514.84 ล้านบาท ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,513.27 ล้านบาท ปิดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
COM7 มูลค่าการซื้อขาย 3,129.89 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท