นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปี 64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,332.87 ล้านบาท ผ่านการดำเนินธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคล
ทั้งนี้ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทฯ ตั้งเป้ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 64 เติบโต 8% หรือประมาณ 210,000 ล้านบาท จากปีก่อนลดลง -7.7% โดยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แม้ยังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ไม่สามารถกลับไปเท่ากลับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้ แต่การติดลบก็ปรับตัวดีขึ้นมาที่อยู่ที่ -1% จากการซื้อของผ่านออนไลน์
อย่างไรก็ตามในเดือนมี.ค.64 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ก็คาดหวังว่าในเดือนถัดๆ ไปจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และสามารถกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ได้ ซึ่งบริษัทฯ จะยังใช้คะแนน KTC FOREVER ขับเคลื่อนกิจกรรมการตลาด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร อีกทั้งรักษาและขยายความแข็งแรงของเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร และสนับสนุนการเติบโตของพันธมิตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเคทีซี เน้นส่งเสริมการตลาดในลักษณะออนไลน์มากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้บัตรของผู้บริโภคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนจากใช้เงินสดมาจ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงสร้างคอนเทนท์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ธุรกิจสินเชื่อบุคคล ตั้งเป้ารักษายอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลในปี 64 ให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในปี 63 มียอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 29,915 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์การตลาดสร้างความผูกพันกับฐานสมาชิกเดิม วางตัวเป็นบัตรกดเงินสดใบแรกที่ลูกค้านึกถึงเมื่อจำเป็นต้องใช้เงิน โดยออกแคมเปญแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและส่งเสริมให้สมาชิกมีวินัยการชำระเงิน อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้น ด้วยจุดเด่น "รูด โอน กด ผ่อน" ภายในบัตรเดียว กับบริการเบิกเงินสดออนไลน์ผ่านแอปฯ "KTC Mobile" 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์เข้าบัญชีธนาคารได้ถึง 13 ธนาคาร และบริการเพิ่มวงเงินฉุกเฉินหรือขอรหัสเบิกถอนเงินสดที่ทำรายการได้เองตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับกลยุทธ์การขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด "เคทีซี พราว" จะให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น เพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าคุณภาพที่ต้องการสินเชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมีวินัยทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและอัตราหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ผ่าน 4 ช่องทางหลักคือ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ทั่วประเทศ เคทีซี ทัช ทุกสาขา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ (Telesales) โดยในปี 64 ตั้งเป้าหมายจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ บัตรเครดิต 235,000 ใบ และสมาชิกบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว 135,000 ราย
ส่วนของการขยายฐานร้านค้ารับบัตรเคทีซี จะเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเข้าถึงร้านค้าขนาดกลาง ร้านค้าขนาดเล็กและร้านค้าออนไลน์ รองรับการทำธุรกรรมอี-คอมเมิร์ซ และโซเชียล คอมเมิร์ซ รวมถึงเพิ่มช่องทางรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Link Pay และสแกน QR Code ที่ลูกค้าสามารถทำรายการธุรกรรมได้ง่ายด้วยตนเอง รวดเร็วและสะดวกทุกที่ทุกเวลา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้ารักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน จากการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น ส่งผลทำให้ปีนี้จะมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการตั้งสำรองฯ ไว้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันยังคงทยอยตัดหนี้สูญ (write-off) อย่างต่อเนื่อง วางเป้าหมายไว้ที่ 1,300 ล้านบาท/ไตรมาส
"ในปีที่แล้วจะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานของเราในไตรมาส 2/63 ค่อนข้างจะหนักมาก เพราะเราตั้งสำรองเต็มๆ และในไตรมาส 3/63 เรา write-off ก้อนใหญ่มาก ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่เราคิดว่านั้นคือสิ่งที่เราควรทำ และเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะพอสิ้นปีแล้วแม้ผลการดำเนินงานจะไม่ได้สูงกว่าปีก่อน หรือมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,300 กว่าล้านบาท แต่เป็นตัวเลขที่เราพอใจ เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และเราก็มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรสุทธินิวไฮได้" นายระเฑียร กล่าวนายระเฑียร กล่าวว่า ด้านธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เคทีซี พี่เบิ้ม ปีนี้วางเป้ายอดสินเชื่อไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งขยายตลาดผ่านระบบออนไลน์ มีทีมงาน "พี่เบิ้ม Delivery" ติดต่อประสานงานกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง และขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ และธนาคารกรุงไทย ขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ตลอดจนร่วมมือกับเคทีบี ลีสซิ่ง เพื่อหาโอกาสต่อยอดและสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มเป้าหมาย
นายชุติเดช ชยุติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เคทีซี กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (เคทีบี ลีสซิ่ง) ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ในเครือธนาคารกรุงไทย ในสัดส่วน 75.05% ซึ่งจะทำให้เคทีซีสามารถทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันได้อย่างครบวงจร และยังได้ใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม โดยบริษัทฯ จะเข้าไปศึกษาระบบในเคทีบี ลีสซิ่ง และคาดว่าจะเริ่มออกแบบโมเดลธุรกิจได้หลังจากผ่านการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ซึ่งเบื้องต้นหากผู้ถือหุ้นอนุมัติ ก็จะต้องรอทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุมัติขอบเขต จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการโอนหุ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในสิ้นเดือนเม.ย.64
"เรายังไม่สามารถตอบได้ว่าการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนจากการประชุมผู้ถือหุ้นก่อน แต่เป้าหมายการทำกำไรนิวไฮของเคทีซีในปีนี้ ยังไม่ได้นับรวมกับธุรกิจลีสซิ่งเข้าไป" นายชุติเดช กล่าวพร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนออกหุ้นกู้ระยะสั้น และระยะยาว (ในช่วงอายุที่สั้นลงจากเดิม หรือไม่เกิน 5 ปี) ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่ 1.4% อายุ 3 ปี ซึ่งเป็น Zero Coupon Bond เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วนที่เหลืออีก 9,000 ล้านบาท จะออกเพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะทยอยครบกำหนดอายุ