(เพิ่มเติม) TRUE ศึกษาแผนรีไฟแนนซ์หนี้"ทรูคอร์ปฯ-ทรูวิชั่นส์"หลังยืดหนี้"ทรูมูฟ"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 25, 2007 18:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนรีไฟแนนซ์หนี้ของ TRUE และ ทรูวิชั่นส์ หลังจากเสร็จสิ้นการรีไฟแนนซ์หนี้ของทรูมูฟไปเมื่อกลางปี 50 แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถสรุปแผนดังกล่าวได้ภายในปีนี้หรือไม่ 
สำหรับการรีไฟแนนซ์หนี้ของทรูมูฟครั้งหลังสุดเมื่อเดือน พ.ค.50 มีการยืดอายุหนี้ให้ยาวขึ้น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันให้กับบริษัทได้มาก แม้ว่าจะทำให้ภาระดอกเบี้ยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5-2.0% เป็น 8-9% ก็ตาม
บริษัทคาดว่า ณ สิ้นปี 50 ภาระหนี้ทั้งหมดของกลุ่มทรูจะลดลงเหลือ 7.3 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถชำระหนี้ได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ปีละ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทค่อนข้างพอใจกับอัตราหนี้สินต่อ EBITDA ที่ลดลงเหลือ 3.7 เท่า จากที่เคยสูงถึง 13 เท่าเมื่อ 7-8 ปีก่อนในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ
*ชี้กทช.เปิดให้ไลเซ่นส์ 3G/wimax ล่าช้าทำเสียโอกาส
นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทได้ขอยื่นทดสอบระบบ 3G และ wi-max กับ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจึงยังทดสอบไม่ได้ เพราะมีปัญหาคลื่นความถี่ แต่คาดหวังกทช.จะเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตระบบ 3G กับ wi-max ได้ภายในปลายปีนี้ หลังล่าช้ามาตั้งแต่ปลายปี 49
อย่างไรก็ตาม มองว่า หากกทช.เปิดให้ใบอนุญาตล่าช้าออกไปถึงปีหน้าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เนื่องจากผู้ประกอบการต้องใช้เวลาในการทดลองระบบนานเป็นปีก่อนเปิดใช้ได้จริง
ทั้งนี้ TRUE ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขการลงทุนระบบ 3G กับ wi-max ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ได้ เพราะคาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูง และหากลงทุนรองรับล่วงหน้าก็จะเกิดความเสี่ยง
นายศุภชัย ให้ความเห็นว่า ผู้ประกอบการไทยหวังจะร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติในการดำเนินการระบบ 3G กับ wi-max เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและเทคโนโลยี และที่ผ่านมาจากการได้ใบอนุญาตระบบ 3G ล่าช้า ทำให้ต่างชาติย้ายการลงทุนไปที่เวียดนาม และ อินโดนีเซีย
"ผมอยากเห็นกทช.ออกไลเซ่นส์ 3G และ wi-max ภายในปีนี้ เพื่อเป็นผลงานของกทช.เองต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม และเชื่อว่าการที่กทช.จะหมดวาระไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการออกใบอนุญาตที่จะเกิดขึ้น" นายศุภชัย กล่าว
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า กองทุน GIC ของรัฐบาลสิงคโปร์เข้ามาซื้อหุ้น TRUE เพิ่มอีกนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่อยากให้นักลงทุนระมัดระวังว่าอาจสร้างข่าวเพื่อปั่นราคา และอาจจะมีการปล่อยข่าวให้ราคาปรับลดลงเพื่อเข้าซื้อเก็บใหม่อีกรอบ
แม้ว่า TRUE จะมีผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่า ยังคงเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐาน จึงต้องใช้เงินลงทุนมาก และปัจจุบันยังมีหนี้สินมาก
ทั้งนี้ เมื่อ 4 เม.ย.50 กองทุนGIC ถือหุ้น TRUE สัดส่วน 1.48%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ