CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ PTTGC รับผลบวกลงทุน VNT, ผลงาน Q1/64 ดีขึ้นจากธุรกิจโรงกลั่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 24, 2021 15:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) รับผลบวกจากลงทุนบมจ.วีนิไทย (VNT) ทำให้ห่วงโซ่เอทธีลีนมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนปลายน้ำ และเปิดการเปิดประตูขยายธุรกิจที่เวียดนาม ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตสูง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอุปสงค์ PVC ในเอเชียจะเติบโต 5.5% ต่อปีในช่วงปี 63-68 โดยประเทศโซนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และอินเดียมีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิ

นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 1/64 จะออกมาดี จากค่าการกลั่นฟื้นขึ้น และธุรกิจโรงกลั่นยังสามารถทำกำไรได้จาก Stock gain ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และมี Hidden value จาก VNT

ขณะที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีทั้งอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สำคัญ ทั้งพาราไซลีนและเบนซีนจะยังคงทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 63 โดยได้รับปัจจัยบวกจาก Demand ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เช่นเดียวกับราคาและส่วนต่างราคาของกลุ่มโอเลฟินส์ที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวจากปีก่อน และราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มเป็นแรงหนุนราคาผลิตภัณฑ์

หุ้น PTTGC ปิดเทรดเช้าที่ 62.75 บาท ลดลง 1.25 บาท (-1.95%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดลบ 0.31 จุด

          โบรกเกอรฺ์                       คำแนะนำ	           ราคาเป้าหมาย
          ทรีนิตี้                              ซื้อ			78.00
          เคทีบีเอสที                          ซื้อ			78.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)         ซื้อ			75.00
          หยวนต้า (ประเทศไทย)                ซื้อ			75.00
          ทิสโก้                              ซื้อ			75.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)                  ซื้อ			75.00
          เอเชีย เวลท์                        ซื้อ			71.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)         ซื้อ			70.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                    ซื้อ			69.00

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาพใหญ่สำหรับราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเป็นผลบวกต่อธุรกิจหลักของ PTTGC ซึ่งมีการสะท้อนไปยังราคาหุ้นชัดเจน ขณะที่ในระยะสั้นราคาน้ำมันเริ่มอ่อนแรงลงก็มีการสะท้อนไปยังราคาหุ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมองเป็นลักษณะเทรดดิ้งจากในแง่พื้นฐานธุรกิจยังเหมือนเดิม โดยคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 71 บาทต่อหุ้น ไม่รวมอัพไซด์จากการทำเทนเดอร์ในหุ้น VNT

ในส่วนการเข้าลงทุนใน VNT ที่ประกอบธุรกิจ PVC ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้างจะช่วยต่อยอดธุรกิจเดิมได้ดีจาก PTTGC เป็นผู้ผลิตแก๊สอยู่แล้ว ซึ่งจะได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องต้นทุน อย่างไรก็ดีมองว่าการเข้าทำเทนเดอร์ในรอบนี้จะทำให้ PTTGC เป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วนราว 48-49%

"การปรับตัวของราคาน้ำมันดิบขณะนี้มีผลต่อราคาหุ้นด้วย ซึ่งนอกจาก PTTEP ก็มี PTTGC ที่ราคาน้ำมันดิบมีผล มองว่าราคาหุ้นที่ถอยลงมาเป็นโอกาสเข้าเก็งกำไรระยะสั้นได้ จากแนวโน้มการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/64 น่าจะออกมาดูดี และ Hidden value จาก VNT" นายเบญจพล กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/64 คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากธุรกิจโรงกลั่นที่ยังสามารถทำกำไรได้และเชื่อว่าค่าการกลั่นเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ดีธุรกิจโรงกลั่นยังได้ประโยชน์จาก Stock gain จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีทั้งอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สำคัญ ทั้งพาราไซลีนและเบนซีนจะยังคงทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 63 โดยได้รับปัจจัยบวกจาก Demand ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เช่นเดียวกับราคาและส่วนต่างราคาของกลุ่มโอเลฟินส์ที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวจากปีก่อน และราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มเป็นแรงหนุนราคาผลิตภัณฑ์ โดยธุรกิจอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์คิดเป็น EBITDA สัดส่วนสูงถึง 65%

นอกจากนี้ คาดว่ากำไรสุทธิปี 64 จะอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม(High Value Specialty : HVS) เพิ่ม เพื่อลดความผันผวนและสร้างความมั่นคงในระยะยาว ทำให้เพิ่มโอกาสในการปรับกำไรสุทธิและราคาเป้าหมายด้วย

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเข้าซื้อหุ้น VNT มองว่าเป็นบวกกับ PTTGC ในระยะยาว โดยทำให้ห่วงโซ่เอทธีลีนมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนปลายน้ำ และเปิดการเปิดประตูขยายธุรกิจที่เวียดนาม ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตสูง ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอุปสงค์ PVC ในเอเชียจะเติบโต 5.5% ต่อปีในช่วงปี 63-68 โดยประเทศโซนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และอินเดียมีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิ

ในระยะสั้นยังมีปัจจัยกระตุ้นจากผลประกอบการในไตรมาส 1/64 ที่แข็งแกร่ง จากค่าการกลั่นในไตรมาส 1/64 ที่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (สเปรด JET, GO, ULG เพิ่ม 45%, 35%, 68% QTD) ซึ่งเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่ง, อุปสงค์ฟื้นตัวและมาร์จิ้นปิโตรเคมีที่ดีทั้งสายอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์

ส่วนบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเข้าลงทุนใน VNT จะเพิ่มความหลากหลายทางผลิตภัณฑ์ให้กับ PTTGC มากขึ้น โดย VNT เป็นผู้ผลิต PVC 300 แสนตัน/ปี, NaOH 370 แสนตัน/ปี และ ECH 120 แสนตัน/ปี ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยภูมิภาคเอเชียมีอุปสงค์เติบโตปีละ 5.5% ตามอุตสากรรมวัสดุก่อสร้างและการเกษตร และมีสถานะ Net Import

นอกจากนี้ สร้างโอกาสขยายเข้าสู่ประเทศเวียดนามภายใต้แผนให้เข้าลงทุน AGC Chemicals Vietnam ประกอบกับประโยชน์จากการ Synergy ด้านวัตถุดิบ โดย VNT มีแผนขยายกำลังผลิต ทำให้ PTTGC สามารถจำหน่ายปิโตรเคมีต้นน้ำ (Ethylene) ให้แก่ VNT เพิ่มเติมได้ ซึ่ง PTTGC อยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิต Ethylene เช่นกันภายใต้โครงการ Olefins reconfiguration ที่จะเริ่ม COD ช่วงไตรมาส 1/64 รวมทั้งบริษัทมีโครงการขยายลงทุนเพิ่มเติมหลังการรวมกิจการ ซึ่งยังเป็น Upside ในอนาคต

อย่างไรก็ดี ราคา PTTGC มีการปรับตัวลงจากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดลง มองว่าไม่ได้เป็น Downside ต่อสมมติฐานราคาน้ำมันที่ 60 เหรียญฯ/บาร์เรล ดังนั้นหากเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบกลับมามีเสถียรภาพ หุ้นจะกลับมา Outperform ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ