ดีอีเอส เร่งเคลียร์ปมการถือหุ้นต่างชาติ-หุ้นไทยใน THCOM ก่อนหมดสัมปทาน ก.ย.64

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 16, 2021 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รวม.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 ซึ่งจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในเดือน ก.ย.64 ว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดรอบด้าน ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุดก่อนวันครบอายุสัมปทาน เพื่อเดินหน้าการโอนถ่ายการบริหารจัดการดาวเทียมไทยคมให้กับ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ที่เกิดจากการควบรวมกิจการของวิสาหกิจสื่อสารทั้ง 2 แห่งของรัฐ คือ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ให้สามารถเดินหน้าให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ปัจจุบันยังมีประเด็นสำคัญบางข้อที่จำเป็นต้องได้ข้อสรุป คือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นในปัจจุบันของ บมจ.ไทยคม(THCOM) ซึ่งเมื่อดูในรายละเอียดเชิงลึกแล้วบริษัทแม่ คือ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ถือหุ้นอยู่ 41% ไม่เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 51% ขณะที่ INTUCH ก็ยังมีสัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เป็นต่างชาติอยู่ค่อนข้างมาก โดยผู้ถือหุ้นรายสำคัญ คือ กลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์

"โครงสร้างการถือหุ้นที่ซับซ้อนนี้ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายประเทศไทย คือ สัดส่วนการถือหุ้นของอินทัช ในไทยคม ต้องไม่ต่ำกวา 51% อีกทั้ง ในส่วนของอินทัชเอง ผู้ถือหุ้นใหญ่สุด ก็ไม่ควรเป็นต่างชาติ เนื่องจากดาวเทียม เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม มีความสำคัญผูกพันอยู่กับประเด็นความมั่นคงของประเทศด้วย" นายชัยวุฒิกล่าว

ฉะนั้น แนวทางเร่งด่วนที่มองไว้ คือ อาจเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาหารือร่วมกัน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของ INTUCH และ THCOM เพราะหากได้ข้อยุติที่สอดคล้องกับกฎหมายของไทยได้เร็ว ก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะแนวทางที่เตรียมไว้หลังมีการโอนคืนทรัพย์สินของโครงการไทยคมกลับมายังรัฐ และมอบอำนาจการบริหารดาวเทียมไปให้ NT แล้ว ก็คงมีความร่วมมือกับเอกชน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า THCOM ซึ่งมีประสบการณ์ตรงอยู่แล้ว เข้ามาทำงานร่วมกัน ในการขับเคลื่อนธุรกิจดาวเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในสายธุรกิจหลักของ NT

ทั้งนี้ จำเป็นต้องทำงานกันอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นบรรทัดฐาน และสอดคล้องไปกับ(ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. ... ซึ่งประเทศไทยกำลังจัดทำอยู่ โดยในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยมอบข้อเสนอแนะไว้ว่าจะเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ของประเทศ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เพราะดาวเทียมใหม่ๆ ที่จะขึ้นสู่วงโคจรภายหลังมีการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ ต้องไม่มีปัญหาอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับสัญญาสัมปทานดาวเทียมก่อนหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ