นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ คาดว่าสินทรัพย์รวม(NAV)ภายใต้การบริหารของบริษัทในปี 50 จะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 4 หมื่นล้านบาท เทียบจากปีก่อนที่มีสินทรัพย์รวม 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกองทุนที่บริษัทบริหาร ส่วนใหญ่เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีสัดส่วน 60-70% โดยขณะนี้มี NAV ปรับตัวลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ทำให้กองทุนตราสารหนี้ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ดังนั้น ในปี 51 บริษัทจะปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยเน้นการเปิดกองทุนในรูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย เช่น กองทุน FIF กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในวันนี้บลจ.พรีมาเวสท์ เปิดตัวกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ ไทยแลนด์ ไดนามิก วอเตอร์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุน FIF ขนาดมูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท เปิดขายครั้งแรกวันที่ 15-24 ต.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยจะลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมทั่วโลก จำนวน 20 บริษัท ซึ่งมีธ.สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ในฮ่องกงเป็นผู้จัดการกองทุน "เชื่อว่า ช่วงแรกยอดขายจะไม่เติบโตมากนัก เนื่องจาก เรา exclusive ขายให้กับลูกค้า แบงก์สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ และ ลูกค้าพรีมาเวสท์ก่อน แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะขายได้ถึง 1 พันล้านบาทเป็นอย่างต่ำ"นายเพิ่มพล กล่าว สำหรับกองทุนดังกล่าว ถือว่ามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากลงทุนหุ้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำ ทั้งนี้กองทุนนี้มีจุดเด่นที่มุ่งเน้นผลตอบแทนระดับสูง และหากตลาดมีความเสี่ยงต่ำ และความผันผวนต่ำ ก็จะสามารถเพิ่มการลงทุนจากเดิม 100% เป็น 150% โดยสามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ ทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดถึง 150%