CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ HMPRO เล็งผลงาน Q2/64 โตดีแม้โควิดระบาด-ราคาหุ้น Laggard

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 14, 2021 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จากผลประกอบการไตรมาส 1/64 ดีตามที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวจากปีก่อนและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยอดขายสินค้าออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการมีบริการหลังการขาย บริการติดตั้ง และซ่อมแซมบ้าน ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง

แนวโน้มของธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากกลุ่มซ่อมแซมบ้านและตกแต่งบ้าน ยังมีความต้องการในตลาดที่ดีกว่ากลุ่มอื่น และในไตรมาส 2/64 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ดี เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกนี้ ยังสามารถเปิดขายสินค้าทุกสาขาได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ราคาหุ้นยัง Laggard ปรับตัวขึ้นช้ากว่า DOHOME และ GLOBAL เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองโอกาสในการลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 จนกว่าจะมีมาตรการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง จึงจะสามารถคลายความกังวลให้กับผู้บริโภคได้

หุ้น HMPRO ปิดเช้าที่ 13.50 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.74%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าลบ 1.05 จุด

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เคจีไอ                        ซื้อ                 17.80
          โนมูระ พัฒนสิน                  ซื้อ                 17.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์               ซื้อ                 17.00
          เคทีบีเอสที                     ซื้อ                 16.50
          เอเชียเวลท์                    ซื้อ                 16.50

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า HMPRO มีผลประกอบการไตรมาส 1/64 ออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากกลุ่มซ่อมแซมบ้านและตกแต่งบ้าน ยังมีความต้องการในตลาดที่ดีกว่ากลุ่มอื่น ประกอบกับราคาหุ้นยัง Laggard ปรับตัวขึ้นช้ากว่า DOHOME และ GLOBAL เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองโอกาสในการลงทุนระยะยาว

แนวโน้มในไตรมาส 2/64 คาดว่าจะเติบโตได้ดีตามความต้องการในตลาด และแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดโควิด-19 หากสถานการณ์ผ่อนคลายเร็วมีโอกาสที่ครึ่งปีหลังจะดีขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับไตรมาส 3 และ 4 ของปีที่แล้ว ฐานกำไรไม่ได้สูงมากนัก ทำให้ในปีนี้ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่

มาตรการเยียวยาและมาตรการฉีดวัคซีนจากภาครัฐ อาจจะไม่ได้ส่งผลบวกโดยตรงกับบริษัท แต่มาตรการฉีดวัคซีนถ้าเร่งดำเนินการได้เร็ว จะส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมกลับมา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกลุ่มการบริโภคภายในประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะ HMPRO

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,362 ล้านบาท เป็นผลมาจากการฟื้นตัวจากปีก่อน แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่สมุทรสาครในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของ HMPRO ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท โต 24% YoY แต่จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งในรอบสมุทรสาครและทองหล่อ อาจจะทำให้ผลประกอบการณ์ปีนี้ต่ำกว่าที่คาด อาจต้องประเมินใหม่หลังสถานการณ์ดังกล่าวจบลง แต่อย่างไรก็ตามจะดีกว่าปีก่อนหน้า ที่ผลประกอบการทรุดตัวลงมาถึง 15-16%

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/64 คาดว่าจะต่ำกว่าไตรมาส 1/64 โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้ รวมไปถึงสภาวะเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม HMPRO เป็นบริษัทที่มีกำไรอยู่แล้ว อย่างเช่นในช่วงปีที่แล้วกำไรที่แย่ที่สุดคือ 900 ล้านบาท

แม้ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่สถานการณ์จะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะครึ่งปีแรกมีการระบาดถึง 2 รอบใหญ่ แต่ยังคงอยู่บนความไม่แน่นอน จนกว่าจะมีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง จนเกิดเป็น Herd immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) จึงจะสามารถคลายความกังวลให้กับผู้บริโภคได้ ซึ่งไม่น่าจะทันในปีนี้ จึงคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดจะเริ่มเข้าสู่สภาวะที่มีความนิ่งขึ้นอย่างเร็วที่สุดประมาณไตรมาส 2/65

ด้านบทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรในปีนี้ที่ 5,910 ล้านบาท เติบโต 14.7% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ออกมาดีมาก อยู่ที่ 1,362 ล้านบาท ลดลง 11.8% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่ยังเพิ่มขึ้น 7.6% YoY แม้ช่วงเดียวกันของปีก่อนยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยทาง HMPRO ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายขายและบริหารใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยผลักดันการเติบโตของกำไร โดยผลกำไรในไตรมาส 1/64 มีสัดส่วน 23.1% ของประมาณการทั้งปี 64

โดยยอดขายยังเติบโต 3.5% YoY ขณะที่รายได้พื้นที่เช่าและรายได้อื่นลดลง 0.6% YoY ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.7% ทรงตัว YoY

ส่วนไตรมาส 2/64 เชื่อมั่นว่ากำไรจะเติบโต YoY ค่อนข้างสูง เพราะในช่วงปีก่อนได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ปิดสาขาชั่วคราวราว 45 วัน แต่การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันยังสามารถเปิดขายสินค้าทุกสาขาได้ตามปกติ

ประกอบกับยอดขายสินค้าออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากกลยุทธ์การขาย Same Day Delivery และ Next Day Delivery รวมไปถึงการมีบริการหลังการขาย บริการติดตั้ง และซ่อมแซมบ้านซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าและสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ