ธนาธร จวกนายกฯ อุ้มการบินไทยเอื้อกลุ่มทุนธนาคาร-กระทบเสรีภาพเดินทางประชาชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 20, 2021 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว คัดค้านการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจอุ้ม บมจ.การบินไทย (THAI) สืบเนื่องจากการประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาได้ผ่านแผนฟื้นฟูกิจการตามที่ผู้ทำแผนได้เสนอเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนดังกล่าวจะทำให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง และหากเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต ภาษีประชาชนจะต้องถูกนำไปอุ้มการบินไทยอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายธนาธร เชื่อว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจให้แผนฟื้นฟูฉบับนี้ผ่าน ทั้ง ๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลทางธุรกิจ ไม่มีการปรับโครงสร้างงบการเงินอย่างมีนัยสำคัญแบบที่สากลทำกัน เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีรู้สึกไม่มั่นคงกับสถานะทางการเมืองของตนเอง จึงไม่อยากเผชิญหน้าใครเพื่อผลักดันแนวทางที่ควรจะเป็น กลัวเสียพันธมิตรและเสียคะแนนนิยมทางการเมืองในช่วงที่ประชาชนโกรธเคืองรัฐบาลมากอยู่แล้ว

"ไม่มีที่ไหนเขาทำกันที่บริษัทขนาดใหญ่จะผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยยังคงมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินถึงประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เหตุผลสำคัญที่เจ้าหนี้และผู้เกี่ยวข้อง สนับสนุนแผนฟื้นฟูนี้ คือความเชื่อที่ว่าหากการบินไทยเกิดปัญหาอีกในอนาคต รัฐบาลจะเข้ามาอุ้มการบินไทยต่อไปเรื่อย ๆ ความคิดเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา หรือนวัตกรรมขึ้นในการบินไทย การบินไทยจะยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต ไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองในการแข่งขันระดับโลก รอคอยการช่วยเหลือจากรัฐตลอดเวลา"นายธนาธร ระบุ

สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าการบินไทยที่ปรับโครงสร้างการบริหาร รีดไขมันออก ในสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว จะสามารถทำกำไรก่อนภาษีได้เฉลี่ยปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 66-78 ติดกันเป็นเวลา 13 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทล้างยอดขาดทุนสะสมได้หมด แต่ภาวะวิกฤติอาจเกิดขึ้นได้เสมอ และหากเพียงมีวิกฤติอีกสักครั้งในช่วง 13 ปีนี้ การบินไทย อาจต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการอีกรอบ และรอบหน้าอาจต้องใช้เงินภาษีประชาชนอุ้มมากกว่านี้

นายธนาธร มองว่า การคาดการณ์ว่าการบินไทยจะกำไรติดต่อกัน 13 ปี ปีละเกือบ 2 หมื่นล้าน ทันทีที่พ้นวิกฤติโควิด เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินจริงไปมาก เพราะในช่วงปี 58-62 ที่ยังไม่มีสถานการณ์โควิด การบินไทยยังขาดทุนไปแล้ว 4.1 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 8,200 ล้านบาท

ดังนั้น การแก้ปัญหาครั้งนี้เป็นเพียงการซื้อเวลา หลีกเลี่ยงการจัดการที่เจ็บปวดแต่จำเป็น โดยกลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือกลุ่มทุนธนาคารที่ใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร และเคยร่วมอยู่ในโครงการทุนประชารัฐ และคนที่เสียประโยชน์มากที่สุดคือ ประชาชนผู้เสียภาษีทั่วไป ที่ต้องนำเงินที่หายากอยู่แล้วในปัจจุบันไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับการบินไทย และเสี่ยงที่จะต้องใช้เงินอนาคตอุ้มการบินไทยต่อไปอีกเป็นสิบปี

ที่สำคัญกว่านั้น การดึงการบินไทยกลับเป็นรัฐวิสาหกิจอาจส่งผลกระทบกับเสรีภาพการเดินทางของประชาชน เพราะการเปิดน่านฟ้าเสรีในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินถูกลง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางมากขึ้น นอกจาก รถทัวร์, รถไฟ และรถส่วนตัว ทำให้ประชาชนหลายล้านคนสามารถได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ลดเวลาการเดินทาง สามารถเดินทางค้าขายติดต่อธุรกิจได้อย่างว่องไวมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น และค่าใช้จ่ายน้อยลง การผลักดันให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการบิน การเปิดน่านฟ้าเสรีจึงสำคัญกว่าการปกป้องการบินไทย

นายธนาธร ระบุอีกว่า สถานการณ์เดินมาไกลมากแล้ว ในวันนี้คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่หากเป็นนายกรัฐมนตรี จะอธิบายให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจว่าการยอมรับการเจ็บปวดในระยะสั้น แก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และของประชาชนในระยะยาวย่อมดีกว่าการเลี่ยงเผชิญหน้ากับปัญหาเช่นนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ