ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร BFIT ที่ BBB+ แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 7, 2021 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลักของ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) หรือกลุ่มศรีสวัสดิ์เป็นสำคัญ โดยอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของ SAWAD (ระดับ "BBB+/Stable" ซึ่งจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง)

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

  • มีความเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มในระดับสูง ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ โดยบริษัททำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจหน่วยหนึ่งของกลุ่มที่ทำให้กลุ่มศรีสวัสดิ์สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และให้บริการแก่ฐานลูกค้าที่กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงมีความเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัทแม่ในระดับสูง โดยกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจและนโยบายควบคุมความเสี่ยงนั้นมี SAWAD เป็นผู้กำหนด

ส่วนในด้านการดำเนินงานนั้น บริษัทพึ่งพาเครือข่ายสาขาของบริษัทแม่ในการอนุมัติและให้บริการสินเชื่อ โดยในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวมของ SAWAD อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 25%-30% ในปี 2563 และไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องมาจากเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสัดส่วนดังกล่าวจะลดลง แต่ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าบริษัทน่าจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ในระยะปานกลางต่อไปเนื่องจากเพดานดอกเบี้ยที่ระดับ 36% ที่บริษัทได้รับอนุญาตในการให้บริการผลิตภัณฑ์บางประเภทภายใต้ใบอนุญาตบริษัทเงินทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้นเป็นประโยชน์ต่ออัตราดอกเบี้ยรับโดยรวมของกลุ่ม

  • สัดส่วนรายได้ที่แม้จะลดลง แต่ก็ยังคงมีความสำคัญ ความสามารถในการสร้างผลประกอบการทางการเงินในระดับที่น่าพึงพอใจและมีสัดส่วนรายได้ในระดับที่มีนัยสำคัญให้แก่บริษัทแม่ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 30%-35% ของรายได้รวมของกลุ่ม ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทจะหดตัวและส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 22% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 แต่สัดส่วนรายได้ดังกล่าวยังคงถือว่าอยู่ในระดับสูงและมีความสำคัญต่อกลุ่มเมื่อพิจารณาจากมุมมองของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ที่มีต่อกลุ่มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องก็อาจเปลี่ยนมุมมองของทริสเรทติ้งต่อระดับความสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบในแง่ลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
  • ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า SAWAD ได้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทจำนวน 1.0-2.5 พันล้านบาทรวมทั้งยังได้เพิ่มทุนจำนวน 5.9 พันล้านบาทให้แก่บริษัทซึ่งทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของ SAWAD เพิ่มขึ้นเป็น 82% ในปี 2562 อีกด้วย ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของบริษัทแม่ในระยะยาว โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่า SAWAD จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างทันท่วงทีในภาวะที่จำเป็น

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอยู่ภายใต้ความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของ SAWAD ต่อไป

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ของบริษัทสะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตของ SAWAD และความคาดหวังของ ทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของ SAWAD อีกทั้งบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสถานะเครดิตของ SAWAD จากการที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่ม ในการนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากทริสเรทติ้งเห็นว่าระดับความสำคัญที่บริษัทมีต่อบริษัทแม่นั้นลดน้อยถอยลง หรือหากมีปัจจัยบ่งชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่ลดลงแม้ทริสเรทติ้งจะมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้าก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ