PRM คาดผลงาน Q2/64 ใกล้ Q1/64,คงเป้ารายได้ปี 64 โต 10%ได้ธุรกิจ Offshore หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 18, 2021 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/64 คาดใกล้เคียงไตรมาส 1/64 เนื่องจากธุรกิจเรือในประเทศยังประสบปัญหาเดิมในการส่งน้ำมัน Jet A-1 ประกอบกับการรับรู้รายได้จากบมจ. ไทยออยล์ (TOP) ยังไม่เข้ามาในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10% โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตจากธุรกิจเรือขนส่งและสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นหนุนกิจกรรมทางทะเลเพิ่ม

ทั้งนี้หากมีการเปิดประเทศในอีก 120 วัน จะส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน ทำให้บริษัทสามารถกลับมาขนส่งน้ำมัน Jet A-1 ไปที่ทางภาคใต้ได้ตามเดิม ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมวางแผนดำเนินงานแก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการสนับสนุนการเติบโต และสร้างอัตราการทำกำไรที่ดีของธุรกิจเรือในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 25% ของพอร์ต นอกจากนี้คาดว่าค่า Frieght ในไตรมาส 4/64 จะปรับตัวดีขึ้น จากภาพรวมการกระจายวัคซีนของโลกที่เริ่มเห็นความชัดเจน

ด้านแผนการลงทุนของบริษัท ในปี 64 ยังคงเป้าหมายการลงทุนเช่นเดิม อย่างไรก็ตามได้มีการตั้งงบสำหรับการต่อเรือเล็กที่ประเทศจีนจำนวน 3-5 ลำ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันจึงทำให้ไม่สามารถเดินทางไปที่ประเทศจีนได้ จึงชะลอการดำเนินงานออกไปก่อน นอกจากนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุน 2,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ผันผวน บริษัทจึงต้องบริหารจัดการกองเรือให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของลูกค้าก่อน

นายพชร รอดสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ PRM กล่าวว่าสำหรับกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่มีเรือเข้ามาประจำการเพิ่ม 5 ลำ รวมจากเดิมเป็นจำนวน 35 ลำ จะเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยปัจจุบันมีการซื้อกิจการจากบจ.ไทยออยล์มารีน (TM) ของบมจ.ไทยออยล์ (TOP) เข้ามาแล้ว

บริษัทได้ทำการซื้อเรือขนส่งจากทางกลุ่ม TM จำนวน 5 ลำ ซึ่งเป็นการขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นไปยังคลังน้ำมัน โดยการซื้อเรือ 5 ลำนั้นมีสัญญาต่อเนื่องจำนวน 3 ใน 5 ลำ ที่จะได้รับการว่าจ้างภายใต้สัญญาระยะยาวรูปแบบ TC ต่ออีก 5 ปี เพื่อให้บริการกับกลุ่ม TOP และอีก 1 ลำจะมีสัญญาระยะเวลา 2 ปี โดยเป็นการให้บริการแก่ลูกค้าเคมีภัณฑ์ของญี่ปุ่น ส่วนอีก 1 ลำ จะเป็นเรือบรรทุกสารเคมีที่จะดำเนินการภายใต้สัญญาแบบ Spot Contract

ด้านธุรกิจเรือขนส่งและสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) เดิมบริษัทมีเรือเพียง 1 ลำเท่านั้น ทั้งนี้แนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการผลิตน้ำมันปิโตรเลียมในอ่าวไทยมีมากขึ้น จึงช่วยหนุนให้กิจกรรมทางทะเลเพิ่มมากขึ้นด้วย บริษัทจึงมีการซื้อเรือ Crew Boat เพิ่มจำนวน 13 ลำ เพื่อรองรับในการขนส่งอุปกรณ์เครื่องจักร และส่งทั้งพนักงาน วิศวกรจากชายฝั่งไปยังแท่นขุดเจาะ โดยขณะนี้มีการให้บริการแล้ว 12 ลำ ส่วนอีก 1 ลำจะมีการให้บริการเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ และธุรกิจเรือขนส่งและสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) ได้เริ่มมีการรับรู้รายได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 64 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงความเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม TOP ต่อไป โดยทางบริษัทจะเป็นผู้ให้บริการเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) ขนาดบรรทุกมากกว่า 300,000 DWT เพิ่มจำนวน 3 ลำ ในการขนส่งน้ำมันจากแหล่งซื้อของ TOP ทางฝั่งตะวันออกกลางมายังโรงกลั่นที่ภาคตะวันออก โดยเรือแต่ละลำจะมีสัญญา 10 ปี ซึ่งได้ให้บริการเรือลำแรกแล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ส่วนลำที่ 2 คาดว่าเรือจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 และลำที่ 3 จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ทางบริษัทจะเป็นผู้ให้บริการด้านการประสานงาน (Ship Agent Service) ทั้งการจัดการท่าเรือ หรือการดำเนินธุรกรรมเรื่องภาษีกับทางกลุ่ม TOP เพิ่มอีก 5 ปี ในขณะเดียวกันทางบริษัทอาจมีการเจรจาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทลูกในกลุ่ม TOP ซึ่งจะเป็นการทำสัญญาในรูปแบบ Strategic Partnership

ส่วนธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) นั้น ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงจากอัตราการใช้บริการเรือเต็ม 100% แม้ที่ผ่านมาบริษัทได้ขายเรือออกไป 1 ลำ ซึ่งถือเป็นทิศทางการดำเนินงานที่ปกติเพื่อบริหารจัดการกองเรือให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของลูกค้า และยังเป็นจังหวะที่เหมาะสมเนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทสามารถบันทึกกำไรพิเศษจากกิจกรรมการดำเนินงานในครั้งนี้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ