ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,552.09 จุด เพิ่มขึ้น 8.42 จุด (+0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 85,261.14 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,554.60 จุด และระดับต่ำสุด 1,535.69 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 761 หลักทรัพย์ ลดลง 767 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 475 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อายะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังจากที่สัปดาห์นี้โมเมนตัมตลาดได้ถอยลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งตลาดฯได้ตอบรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไปแล้วในระดับหนึ่ง และมาตรการของภาครัฐฯในการคุมเข้มการแพร่ระบาดก็ไม่แย่ถึงขั้นล็อกดาวน์ทั้งประเทศ มีเพียงการคุมเข้มพื้นที่เสี่ยงมาก ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่ามาตรการที่ออกมานี้จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดได้มาก/น้อยแค่ไหน และเวลานี้วัคซีนก็ไม่ช่วยอะไร
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ติดลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกได้ราว 0.8% เป็นการเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังจากที่ได้เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่มีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ทำให้วิตกถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่งผลให้เม็ดเงินโยกไปที่ตลาดพันธบัตร แต่ขณะนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) เริ่มทรงตัวแล้ว
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะผันผวนในกรอบแนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด โดยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันที่ 13 ก.ค. และติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯที่ออกมาในวันที่ 16 ก.ค.นี้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,846.11 ล้านบาท ปิดที่ 114.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 2,643.34 ล้านบาท ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,161.95 ล้านบาท ปิดที่ 37.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,050.15 ล้านบาท ปิดที่ 92.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,958.07 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท