นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4-5 พันล้านบาทในปี 66 จากเดิมคาดว่าจะมีรายได้ 3 พันล้านบาทภายในปี 67 เนื่องจากบริษัทได้ขยายธุรกิจ E-Commerce ด้วยงบลงทุน 2 พันล้านบาทเร็วกว่าแผนที่คาดใช้ระยะเวลา 2 ปี แต่ปัจจุบันจะเร่งลงทุนให้ครบทั้งหมดภายในปี 65 โดยการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่บริษัทเตรียมงบลงทุน 500-600 ล้านบาททำ M&A อีก 3 ดีล ซึ่งเป็นบริษัทที่มียอดขาย Top5 ในกลุ่มอาหารบนแพลตฟอร์ม Amazon คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ทั้งหมดภายในปีนี้
"ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดและในช่วงล็อกดาวน์ บริษัทมองเห็นศักยภาพของตลาด e-Commerce ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงมองหาพาร์ทเนอร์และโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตผ่าน e-Commerce ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับทุกดีลไม่ว่าจะเป็น ดีลขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ เพื่อต่อยอดและสร้างพอร์ตโฟลิโอของ NRF ในการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง"ในช่วงที่ผ่านมา NRF ได้เข้าซื้อทรัพย์สินภายใต้แบรนด์ SOL Trading ภายใต้บริษัท BOOSTED NRF Corporation สำเร็จ มูลค่าการลงทุน 2.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย The Cocoa Trader, Fossil, Power Caribbean Cacao, and Aspen Naturals ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Amazon.com ปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 45 รายการ เช่น ผงโกโก้ ผงเจลาตินและจัดจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ
สำหรับการเข้าลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริมบน E-commerce ระดับโลก รวมถึงเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งบริษัทฯ ได้รับรู้รายได้จากทั้ง Prime Labs และ SOL Trading เข้ามาในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นกว่า 91.4% จากไตรมาสที่ 1/64
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการลงทุนในโครงการ WellPath ซึ่งเป็นการลงทุนภายใต้บริษัท Boosted NRF Corporation เพื่อรองรับการขยายตัวและต่อยอดกลยุทธ์ทางด้าน E-commerce ต่อจากโครงการ Prime Labs และ SOL Trading โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการซื้อทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องหมายการค้า องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์เฉพาะ (know-how) และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ของกลุ่ม WellPath
อาทิ Pure Apple Cider Vinegar Gummies, Boost Elderberry Gummies, Zen Anxiety and Stress Relief Supplement และ Vital Turmeric Gummies ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำที่ขายอยู่บน Amazon.com และอยู่ในตลาดมาแล้วกว่า 6 ปี ปัจจุบัน มีการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 11 ผลิตภัณฑ์ (SKU) เช่น วิตามินและอาหารเสริม ชนิดเยลลี่ และ จัดจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าลงทุนไม่เกิน 4.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 135.3 ล้านบาท คาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2564
นายแดน กล่าวว่า ในปี 66 รายได้ของบริษัทจะมาจากสัดส่วนรายได้จาก e-Commerce จะเพิ่มขึ้นมา 50% หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อกิจการธุรกิจ eCommerce ซึ่งบริษัทเห็นแนวโน้มการซื้อสินค้าจะเปลี่ยนมาใช้ออนไลน์มากขึ้น ส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Food)ราว 15-20% และส่วนที่เหลือจากธุรกิจกัญชง ทั้งนี้ จะเป็นรายได้จากอเมริกาเหนือ 40-50% ส่วนเอเชีย จะมีสัดส่วน 25-30% และยุโรปใกล้เคียงเอเชียสัดส่วน 25-30%
รายได้จากสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว แม้ว่าโควิด-19 ยังมีการระบาด แต่ก็จะมีการกระจายวัคซีนไปด้วยแต่ไม่ปิดประเทศ ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ต่างจากจีนที่ใช้นโยบาย Zero Covid โดยปิดประเทศ เน้นการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้จากแนวโน้มความต้องการ Plant-based Food เพิ่มขึ้น มีความเป็นไปได้จะเข้าซื้อโรงงานผลิต มากกว่าการลงทุนสร้างโรงงานเอง
NRF คาดว่ารายได้ในปี 64 จะเติบโตจากปีที่แล้วไม่น้อยกว่า 50% หลังจากบริษัทปิดดีล M&A ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 3 ดีลภายในปี 64 โดยผลประกอบการในไตรมาส 3/64 จะเป็นไตรมาสที่ดีและเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในเดือน ก.ค.64 ได้รับกำไร 100 ล้านบาท หลังจากที่เลื่อนการรับรู้จาก มิ.ย.64 ส่วนในเดือน ส.ค. 64 บริษัทได้ลดการผลิตลง 20% ที่โรงงานจ.สมุทรสาคร จากการระบาดโควิด-19 ซึ่งบริษัทต้องทำงานอย่างระมัดระวัง โดยมั่นใจว่าบริษัทฯสามารถควบคุมโควิดได้
อย่างไรก็ดี จากการระบาดโควิด-19 ทำให้กระบวนการได้รับใบอนุญาตจาก British Retail Consortium (BRC) ล่าช้าออกไป คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะสามารถเริ่มกำลังการผลิตได้ทันที และคาดว่าจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายในไตรมาส 4/64
นายแดน กล่าวว่า บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับ IPCC Report หรือรายงานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปัจจุบันนี้ รัฐบาลทั่วโลกจัดตั้งภาษีสำหรับอาหารคาร์บอนสูง ส่งผลให้มีการรณรงค์เรื่องการทานอาหารโปรตีนจากพืชมากขึ้น นับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ Plant-based Food เป็นไปตามวิสัยทัศน์และ Business Model ของบริษัทที่วางไว้อีกด้วย
แม้ว่าบริษัทใหญ่ในไทยจะเริ่มหันมาดำเนิน Plant-based Food กันมากขึ้น แต่บริษัทมั่นใจว่าบริษัทมีความได้เปรียบที่ได้ลงทุนมาก่อน และสินค้าของบริษัทเข้าสู่ Carbon Zero ในปี 3 ปีข้างหน้า รวมทั้งมีเทคโนโลยีที่บริษัทฯเข้าร่วมกับสตาร์อัพ ทำให้บริษัทมีจุดแข็งที่ได้ปรับตัวเองมา 3 ปีที่แล้วจึงสามารถแข่งขันได้ดี ในขณะที่บริษัทใหญ่ก็ยังมีธุรกิจเนื้อสัตว์ที่มีการปล่อยคาร์บอนอยู่ด้วย อาทิ ซีพี และเพิ่งเข้ามาธุรกิจ Plant-based Food ซึ่งแม้ขณะนี้ราคายังสูงแต่เชื่อว่าอนาคตราคาจะปรับลดลง
นอกจากนี้บริษัทได้สร้างกระแสการบริโภค Plant-based Food มาได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งตลาดต่างประเทศก็มีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐ เป็นต้น ที่มีผู้บริโภค VGAN ด้วย
"3 ปีข้างหน้า คิดว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จะโดน disrupt ในหลายประเทศมีมาตรการตัดอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอน โดยอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ปล่อยคาร์บอนกว่า 10% บริษัทอาหารปล่อย 10% รวมๆแล้ว อุตสาหกรรมอาหารปล่อยคาร์บอนไปเกือบ 30% ถ้าไทยและประเทศผู้ผลิตไม่ลดการปล่อยคาร์บอน เชื่อว่าไทยจะโดนปรับ หลายคนไม่เห็นความสำคัญของReport นี้" นายแดนกล่าวส่วนธุรกิจกัญชงได้เริ่มเพาะปลูกพื้นที่ 2 ไร่กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพิ่มเป็น 40 ไร่ในไตรมาส 4/64 โดยคาดว่าจะมีสารสกัด CBD ออกสู่ตลาดในไตรมาส 1/65 โดยคาดว่าจะขายได้ในกก.ละ 35,000- 45,000 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 920 ล้านบาท เติบโต 55.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 592 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) 82%ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) 5% ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Functional Products) 2% และการเติบโตที่สำคัญ คือธุรกิจ e-Commerce Platform คิดเป็นสัดส่วน 11% ของรายได้