DRT มั่นใจรายได้ปี 64 โตตามเป้า 5% แม้โควิดฉุด Q3/64 แต่กระทบไม่มาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 8, 2021 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 64 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5% ได้ หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกเติบโตแล้ว 7% แม้ว่าไตรมาส 3/64 จะมีผลกระทบบ้างจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาครัฐบาลใช้มาตรการปิดเมืองทำให้ Modern Trade หรือห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ต้องปิดให้บริการ แต่บริษัทยังมีช่องทางการขายอื่นๆ ที่ยังสามารถรองรับความต้องการของสินค้าได้

นอกจากนั้น บริษัทยังวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งในสินค้ากลุ่มหลังคา ผนัง หรือผลิตภัณฑ์ไม้ฝา ก็มีการเจาะลึกลงในเรื่องของเทรนด์สีมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาคอฟฟี่ซีรีย์ เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนต้องการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนวัสดุต่างๆให้พร้อมรับกับธุรกิจที่กำลังจะฟื้นกลับเข้ามา

ขณะที่การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา มีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานโครงการไม่ถึง 10% และในปัจจุบันแคมป์คนงานก็ได้กลับมาเปิดปกติแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมองว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อจากนี้จะมาจากปัญหาการขาดแคลานแรงงานมากกว่า ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์และการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆจากภาครัฐบาล

สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 และต่อเนื่องไปถึงปี 65 ที่บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ 5% บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และบริษัทได้เน้นการตอกย้ำเรื่องของแบรนด์เป็นหลัก

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เน้นการบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้น โดยการกระจายสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อที่จะไม่ให้มีผลกระทบหากว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาแย่ลงอีก ในขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยลดต้นทุนให้บริษัทได้อีกด้วย

นายสาธิต กล่าวถึง โครงการ Diamond Cafe ว่า เป็นร้านกาแฟสำเร็จรูปภายใต้คอนเซ็ปท์ "สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง" ซึ่งออกมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้า SME ปัจจุบันมีผู้เข้ามาติดต่อพูดคุยแล้วมากกว่า 60 ราย โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นอย่างน้อย 2 ราย ที่จะเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้ โดยจะมีมูลค่าราว 200,000 บาทต่อราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ