ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ (7 พ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นแกนนำในดัชนีร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลว่าธนาคารพาณิชย์ในประเทศอาจเพิ่มสำรองหนี้สูญจากการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (CDOs) ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ หุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ร่วงลง 50 เซนต์ หุ้นยูโอบี ลดลง 10 เซนต์ และหุ้นโอซีบีซี ลดลง 10 เซนต์ สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปิดปรับตัวลดลง 10.09 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 3,673.01 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,664.72 และ 3,719.56 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.2 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ "ตลาดยังคงไร้ทิศทาง ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาตลาดซับไพรม์ของสหรัฐเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงในวันนี้" เยียว คี ยาน นักเศรษฐศาสตร์จากดีบีเอส วิคเกอร์สกล่าว ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ในสิงคโปร์ ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่สดใสนั้น ได้ถูกบดบังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะขาดทุนและการตั้งสำรองหนี้สูญจากการลงทุนใน CDOs แต่คาดว่าปัจจัยลบเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังคงไม่สดใส หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการควบคุมการซื้อบ้านไม่ให้ร้อนแรงจนเกินไป โดยหุ้นแคปิตอลแลนด์ ลดลง 10 เซนต์ หุ้นเคพเพล แลนด์ ขยับลง 5 เซนต์ และหุ้นซีตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ร่วงลง 40 เซนต์ แต่หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น (สิงเทล) ช่วยหนุนให้ดัชนีไม่ร่วงลงมากนัก โดยหุ้นสิงเทลเพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ สิงเทลกล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 3.3% แตะระดับ 988 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์ที่ธอมสัน ไฟแนนเชียลได้สำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะแตะระดับที่ 899-960 ล้านดอลลาร์