
กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ร่วมลงนามความร่วมมือกับ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ในพิธีลงนามสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธี
สำหรับโครงการนี้กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะนำเทคโนโลยีระบบการจัดเก็บค่าผ่านทางแบบ ไม่มีไม้กั้น หรือ Free Flow มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบมอเตอร์เวย์ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนในยุคดิจิทัล ช่วยลดการสัมผัสระหว่างบุคคลตามแนวทางการปฏิบัติของยุค New Normal พร้อมทั้งนำระบบบริหารจัดการจราจรอัจฉริยะ เช่น ระบบตรวจจับและแจ้งเตือนอุบัติเหตุอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้อย่างกว้างขวางและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้ทาง
และพร้อมเริ่มงานทันทีที่ตรวจรับพื้นที่จากกรมทางหลวงเสร็จสิ้น เพื่อให้เปิดใช้เส้นทางทั้ง 2 แห่งได้โดยเร็วที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล เพราะเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สายสำคัญของไทยที่เชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่โซนภาคตะวันตกและภาคใต้ เพื่อเชื่อมฐานการผลิตและการส่งออก รองรับแผนการก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคมในอนาคต
อนึ่ง กิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH)
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ได้เจรจากับกลุ่ม BGSR เพื่อเตรียมพร้อมในการส่งมอบพื้นที่โดยจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) ประมาณเดือน ธ.ค.64 โดย สายบางปะอิน-นครราชสีมา พร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรก ส่วนที่เป็นบริเวณด่านจำนวน 9 ด่าน และ ส่วนที่เป็นเส้นทาง 21 ตอน ที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว จากทั้งหมด 40 ตอน ส่วน สายบางใหญ่-กาญจนบุรี พร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรก จำนวน 8 ด่าน และ 4 ตอนที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว จากทั้งหมด 25 ตอน
พร้อมกันนี้ได้เร่งรัดเอกชนผู้รับงานระบบ O&M ในการดำเนินงานจาก 36 เดือน หรือ 3 ปี ตามสัญญา ให้แล้วเสร็จภายใน 20-24 เดือน เนื่องจากต้องการทยอยเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการได้เร็วที่สุดและเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 67
นายสราวุธ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญระหว่างกรมทางหลวงและกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR โดยรายละเอียดของสัญญาแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การก่อสร้างด่านและติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น M - Flow ระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจรอัจฉริยะ ระบบโครงข่ายสื่อสารใยแก้วนำแสงและระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าบนสายทาง อาคารศูนย์ควบคุมและอาคารสำนักงานต่างๆ
และระยะที่ 2 เมื่อเปิดเส้นทางให้บริการ กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะทำหน้าที่จัดเก็บค่าผ่านทางและนำส่งรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมดให้แก่กรมทางหลวง บริหารจัดการและควบคุมการจราจร ซึ่งรวมถึงงานกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนการซ่อมบำรุงรักษาถนนและงานระบบทั้งหมดของโครงการ เป็นระยะเวลา 30 ปีหลังเปิดให้บริการ
กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะได้รับค่าตอบแทนสำหรับค่าก่อสร้างงานระบบและค่าตอบแทนสำหรับการดำเนินงาน และบำรุงรักษา โดยจะต้องรักษาระดับการให้บริการให้เป็นไปตามเงื่อนไข KPI ตามที่กรมทางหลวงกำหนดไว้
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง ได้เร่งผลักดันการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 2 เส้นทาง ทั้งในส่วนการก่อสร้างงานโยธาและการติดตั้งงานระบบภายใต้สัญญา PPP ให้แล้วเสร็จ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2566 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่ง สร้างความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ปลอดภัยให้กับประชาชนในการเดินทางสู่ภูมิภาคต่างๆ และเสริมประสิทธิภาพการขนส่งและระบบโลจิสติกส์อีกด้วย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กรมทางหลวงได้ประสานกับเอกชนในการเร่งรัดงาน เนื่องจากโดยกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้เปิดใช้งานเร็วที่สุด ซึ่งโครงการกำหนดแล้วเสร็จในปลายปี 66 โดยในช่วง 3 เดือนแรกจะให้ใช้บริการฟรี เนื่องจากเป็นการทดสอบระบบ จากนั้นะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมต้นปี 67 ทั้งนี้ ระบบด่านอัตโนมัติ จะมีการติดตั้งกล้อง CCTTV ที่ประสิทธิภาพสูงสามารถ จับภาพได้ในระยะ 2 กม. เชื่อมกับระบบ AI จึงช่วยในการบริหารจัดการจราจร จัดการด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และประหยัดงบด้านบุคลากร อีกด้วย
ปัจจุบันงานโยธาสายบางปะอิน-นครราชสีมา คืบหน้าประมาณ 94% ส่วนตอนที่ปัญหาปรับแบบจำนวน 17 สัญญา อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข โดยบางสัญญาสามารถบริหารจัดการ โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายของโครงการดำเนินการ โดยตกลงกับสำนักงบประมาณก่อน ส่วนตอนที่เกิดจากผลกระทบจากหน่วยงานอื่น และอยู่นอกเหนือผลศึกษา เช่น ช่วงผ่านเรือนจำคลองไผ่ ลำตะคอง ซึ่งทางเรือนจำขอให้ทำกำแพงครอบช่วงผ่านเรือนจำ จะต้องเสนอครม.ขอเพิ่มงบประมาณและประกวดราคาใหม่ ซึ่งคาดจะสามารถได้ข้อยุติในปีนี้ทั้ง 17 ตอน
"จากการวางแผนงาน ที่ทล.ร่วมกับเอกชนมั่นใจการก่อสร้างจะดำเนินการได้ ไม่ล่าช้าและเปิดได้ใน ปลายปี 2566 อย่างไรก็ตามสัญญานี้ได้ระบุว่า กรณี ทล. ส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ตามแผน ทล.จะชดเชยเป็นเวลาก่อสร้างให้ ดังนั้น จะไม่มีค่าโง่เกิดขึ้นแน่นอน"รมว.คมนาคมกล่าวด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR กล่าวว่าทางกลุ่ม BGSR ประเมินว่าช่วง 3 ปีแรกมอเตอร์เวย์ทั้ง 2 สายจะมีค่าก่อสร้างงานโยธาประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท และระบบ O&M ประมาณ 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะกู้เงินมาดำเนินการในนามกลุ่ม BGSR ขณะที่แหล่งเงินจากส่วนผู้ถือหุ้น (Equity) แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ในช่วงก่อสร้างสำหรับสายบางปะอิน-นครราชสีมาไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ 850 ล้านบาท. และช่วงบริหารโครงการ จะเพิ่มทุนในสัดส่วนเท่ากับช่วงแรก
ทั้งนี้ ในการยื่นประมูล เสนอสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) วงเงิน 21,329 ล้านบาท สายบางใหญ่ ? กาญจนบุรี (M81) วงเงิน 17,809 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าลงทุนและค่าจ้างในการดำเนินงานที่จะได้รับในระยะเวลา 30 ปี ยอมรับว่าเสนอต่ำกว่าราคากลางค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาข่วยบริหารจัดการ ขณะที่นโยบายล่าสุดให้นำด่านไร้ไม่กั้น (M Flow) ทั้งขาเข้าและขาออกมาใช้บริการ คาดว่าจะทำให้ช่วยประหยัดต้นทุนลงได้อีก
"เดิมเราเสนอ ขาเข้า เป็นระบบอัตโนมัติ โดยให้ชำระค่าธรรมเนียมผ่านทางที่ขาออก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าเก็บเงิน แต่นโยบาย ให้เป็นอัตโนมัติทั้งขาเข้าและขาออก โดยใช้ระบบ AI จัดเก็บค่าผ่านทางทำให้ลดต้นทุนในการก่อสร้างด่านและเจ้าหน้าที่เก็บเงินไปได้อีก"นายสุรพงษ์ กล่าวอนึ่ง กลุ่มกิจการค้า BGSR ได้จัดตั้ง 2 บริษัทดูแลการดำเนินการมอเตอร์เวย์ 2 สาย ได้แก่ บริษัท บีจีเอสอาร์ 6 จำกัด (BGSR 6) และบริษัท บีจีเอสอาร์ 81 จำกัด (BGSR 81) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนทั้งสองบริษัทมีสัดส่วนการร่วมทุน BTS 40%, GULF 40%, STEC 10% และ RATCH 10% ได้เข้าลงนามสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) กับกรมทางหลวง (PPP Gross Cost) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน- นครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ระยะทาง 96 กิโลเมตร