AWC ชู 3 แลนด์มาร์กใหม่ในแผน 5 ปีหนุนผลงาน เชื่อปี 65 พลิกบวก-รายได้กว่าหมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 12, 2021 08:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

AWC ชู 3 แลนด์มาร์กใหม่ในแผน 5 ปีหนุนผลงาน เชื่อปี 65 พลิกบวก-รายได้กว่าหมื่นลบ.

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) เปิดเผยว่า การเติบโตของบริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมี 3 โครงการแลนด์มาร์คใหม่เป็นแรงหนุนสำคัญ ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โครงการแรก ASIATIQUE THE RIVERFRONT DESTINATION ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กระดับไอคอน (Iconic Landmark) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม ประกอบด้วย โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ รวมถึง ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนส์ ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนส์ โดยมีแผนเปิดให้บริการเริ่มจากเปิดโซนค้าปลีกและสำนักงานในปี 67

โครงการที่ 2 AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วยแหล่งชอปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมหรู 5 แบรนด์ และแบรนเด็ด เรสซิเดนส์อีก 2 แบรนด์ และพื้นที่ค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับ Wellness ซึ่งตอบโจทย์การส่งเสริมให้พัทยาเป็นจุดหมายปลายทางของชายหาดยอดนิยม (Beachfront destination) ระดับโลก

โครงการที่ 3 เวิ้งนครเขษม ซึ่งพัฒนาให้เป็นโครงการพิเศษแบบ Mixed Development ทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย และค้าปลีกด้วยการลงทุนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาแล้วเส็จในช่วงปี 69-70 โดยดึงเสน่ห์และอนุรักษ์ความเป็นไชน่า ทาวน์ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เส้นทางมรดก มรดกทางประวัติศาสตร์ และถนนแห่งความบันเทิง พร้อมตอบโจทย์การสร้างจุดหมายปลายทางแห่งความภาคภูมิให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

นางวัลลภา กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทวางเป้าหมายอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 12% เพื่อที่จะผลักดันให้อัตราผลตอบแทนจากส่วนของเจ้าของ (ROE) ไม่ต่ำกว่าระดับตัวเลขสองหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของ AWC

"ครบรอบ 2 ปี ในวันที่ 10 ต.ค. 64 ที่บริษัทเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "AWC" ซึ่งถือเป็นแฟลกชิพสำคัญของ ทีซีซี กรุ๊ป ด้วยขนาด IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งยังเป็น IPO ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปี ที่สำคัญยังถือเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทได้รวมโครงการคุณภาพทั้งหมดที่มีนำมาวางกลยุทธ์สมดุลย์ในการจัดพอร์ทโฟลิโอ ซึ่งมีทรัพย์สินในหลายเซ็กเตอร์ และกลยุทธ์ที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ AWC ก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน" นางวัลภา กล่าว

ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของ AWC มีครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย โรงแรม 18 แห่ง, รีเทล 8 แห่ง, อาคารสำนักงาน 4 แห่ง, ค้าส่ง 2 แห่ง รวม 32 แห่ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 18 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้าในพอร์ตโพลิโอ ของ AWC จะมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์รวม 50 แห่งในหลากหลายทำเลสำคัญของประเทศ

อีกทั้งสิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จใน 2 ส่วนในวันครบรอบ 2 ปีของ AWC ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่เป็นพลังใจให้พวกเราชาว AWC ร่วมมุ่งมั่นในการพัฒนาสร้างคุณค่า โดยในสัปดาห์นี้บริษัทได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) เป็นครั้งแรกในไตรมาส 2/64 และได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้น THSI (Thailand Sustainability Investment) จากทั้งหมด 146 รายชื่อในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทได้ตอบแบบประเมิน

โดยเฉพาะในปี 64 นี้ มีการพิจารณาถึงการมีแนวทางบริหารจัดการภาวะวิกฤตที่ครอบคลุมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด พิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) เพื่อปรับตัวและตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต รวมทั้งมีความตั้งใจในการตอบแทนคุณค่าในระยะยาวและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งผลทำให้ AWC จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นับเป็นการส่งเสริมความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social and Governance)

ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมถึงโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed and Merged) ที่ไม่ได้มีการแยกโรงแรม ค้าปลีก หรือตึกสำนักงาน ออฟฟิศอย่างชัดเจน ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน AWC Connext ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายและใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดผ่านโปรแกรม AWC Infinite Lifestyle ที่สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์การใช้บริการของอสังหาริมทรัพย์ทุกแห่งของ AWC ไว้เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

นางวัลลภา กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 65 จะห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากในช่วงปี 63-64 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจของ AWC อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ถือเป็นสัดส่วนรายได้หลักที่มากที่สุดของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการที่ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวลงไปมาก จากการปิดประเทศ ทำให้นักท่งอเที่ยวหายไป

จากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยเองที่เริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื่อที่ทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีประชาชนได้รับวัคซีนโควิด-19 มากขึ้น ทำให้เริ่มกลับมาเปิดเมืองและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เป็นสัญญาณบวกที่ดีให้กับการฟื้นตัวของธุรกิจ AWC ตั้งแต่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จากการที่จะมีการท่องเที่ยวของคนในประเทศเข้ามาสนับสนุน ประกอบกับการมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐเข้ามาเสริม และแคมเปญโปรโมชั่นของบริษัทที่เข้ามาช่วยกระตุ้น ทำให้มองว่านักท่งอเที่ยวในประเทศจะสามารถเข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของบริษัทได้ก่อนตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64

ประกอบกับ จะมีปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะทยอยเข้ามามากขึ้น จากที่ปัจจุบันภาครัฐเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องที่ยวต่างชาติเข้ามา รวมถึงการเปิดพื้นที่ในหัวเมืองท่องเที่ยวบางจังหวัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่มองว่าการกลับมาของนักท่งอเที่ยวต่างชาติจำนวนมากขึ้นที่เข้ามาท่งอเที่ยวในไทยจะเริ่มเห็นในช่วงต้นปี 65 เป็นต้นไป เพราะปัจจุบันบางประเทศยังไม่ให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ และการเข้าไทยยังมีข้อจำกัดในเรื่องการกักตัวและการใช้เอกสารที่เยอะในการเดินทาง ทำให้การตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยยังชะลออยู่บ้าง

"ปีหน้าก็ยังคงต้องลุ้นว่า Speed ของ Demand คนที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจะเป็นอย่างไร ถ้ามา Speed กลับมาเร็วก็จะทำให้ ธุรกิจโรงแรมของ AWC ฟื้นตัวได้เร็วตาม แต่มองว่าข้อจำกัดต่างๆอาจจะต้องลดลง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสะดวกมากขึ้น อย่างตอนนี้ก็ยังต้อง Quarantines และมีเอกสารในการเข้าเยอะ ก็มีข้จำกัดพอสมควร แต่เรายังมองภาพบวกการท่องเที่ยวปีหน้าจะฟื้นตัว จากที่เห็นการท่องเที่ยวในต่างประเทศที่โควิดดีขึ้นก่อนเรา เขาก็ฟื้นกลับมาเร็ว" นางวัลลภา กล่าว

ในส่วนรายได้ในปี 65 บริษัทคาดว่าจะกลับไปแตะไม่ต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นล้านบาท หากสถานการณ์แพร่ระบาดโวิด-19 ไม่กลับมาระบาดอย่างรุนแรงระลอกใหม่ และสถานการณ์ภาพรวมของในและต่างประเทศกลับมาเป็นปกติ และมีการเดินทางท่องเที่ยวกลับมามากขึ้น ซึ่งเดิมเป็นเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ในปีนี้ว่าจะกลับมาที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท แต่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องมาก ทำให้การท่องเที่ยวเกิดการสะดุดไป แต่ปีหน้าบริษัทมองภาพบวกของการฟื้นตัวการท่องเที่ยวที่จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้โรงแรมในเครือของบริษัทจะมีนักท่งอเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้ามาพักมากขึ้น สนับสนุนรายได้ของธุรกิจโรงแรมให้กลับมาช่วยหนุนรายได้รวมของบริษัทในปีหน้าให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในปี 63-64 ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นเดียวกัน ทำให้จำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการค้าปลีกขิงบริษัทลดลงไป และลูกค้าผู้เช่าพื้นที่ในโครงการได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการช่วยเหลือผู้เช่าพื้นที่ของบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เช่าพื้นที่ในโครงการค้าปลีกขิองบริษัท โดยที่บริษัทมองว่าหลังจากการกลับมาเปิดเมืองในช่วงเดือนก.ย. 64 เป็นต้นมาเริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น แต่ยังต้องติตดามภาพของการท่องเที่ยวที่จะฟื้นกลับมาชัดเจนในปีหน้าที่จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาหนุนการใช้บริการ โดยเฉพาะโครงการ Asiatique ซึ่งเจาะกลุ่มนักท่งอเที่ยวเป็นหลัก ที่จะเข้าเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวขึ้นของธุรกิจค้าปลีกในปีหน้า และในส่วนของธุรกิจอาคารสำนักงานลูกค้าผู้ประกอบการต่างๆยังคงเช่าพื้นที่เช่นเดิม ซึ่งปัจจุบันธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาให้กับบริษัทในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเกือบ 2 ปี

สำหรับแนวโน้มอัตราการเข้าพักของโรงแรมในพอร์ตของ AWC ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 20% ในช่วงต้นเดือน ต.ค. 64 หลังจากที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากก่อนหน้าที่อัตราการเข้าพักของโรงแรมในพอร์ตของบริษัทอยู่เพียง 2-3% โดยมาจากกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาพักระยะยาว (Long stays) เป็นหลัก แต่บริษัทมองว่าอัตราการเข้าพักจะเริ่มเห็นการขยับขึ้นมาใช่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในประเทศ และยังมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่โรงแรมของบริษัทเข้าร่วมมาหนุน รวมถึงโรงแรมในกรุงเทพฯบริษัทยังมีแคมเปญ Bangkok Holiday ที่เข้ามากระตุ้นการเข้าพักหรือเปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานในโรงแรม เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรมมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ