ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนได้รับแรงกระตุ้นจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทซึ่งพุ่งขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นายโดนัลด์ คอห์น รองประธานเฟด กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางอาจต้องใช้นโยบายบางอย่างเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยถ้อยแถลงของเขาส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์พุ่ง 108.50 จุด หรือ 3.2% ปิดที่ 3,478.22 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.8 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังอยู่ในภาวะซบเซาเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค เหตุผลดังกล่าวอาจทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นในการประชุมวันที่ 11 ธ.ค.นี้ "ตอนนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยลง" คาร์เมน ลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก OCBC Investments กล่าว นักวิเคราะห์เชื่อว่า แม้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติซับไพรม์จะแพร่กระจายไปทั่วโลก แต่เศรษฐกิจสิงคโปร์ก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะรอดพ้นจากผลกระทบในสถานการณ์ดังกล่าว "เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ทำให้เรามองแนวโน้มเศรษฐกิจในแง่บวก" เมอร์ริลล์ ลินช์ กล่าว หุ้นบลูชิปได้แก่ หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอม พุ่ง 10 เซนต์, หุ้นเอสที เอนจิเนียริ่ง เพิ่ม 6 เซนต์ และ หุ้นสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ทะยาน 40 เซนต์ ด้านหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ทะยาน 90 เซนต์, หุ้นยูโอบี ทะยาน 80 เซนต์ และ หุ้นโอซีบีซี เพิ่ม 15 เซนต์ หุ้น SembCorp Marine ขยับขึ้น 6 เซนต์ หลังบริษัทได้ปลดนายวี ซิง กวน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินออกจากตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างผิดกฎหมาย