HILITE: TYCN พุ่ง 7.26% ผลงาน Q3/64 พลิกเป็นกำไร รับรายได้จากการขายเพิ่ม-มาร์จิ้นโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 5, 2021 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TYCN ราคาพุ่งขึ้น 7.26% มาอยู่ที่ 3.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท มูลค่าซื้อขาย 9.64 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.37 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.88 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.76 บาท

บมจ.ไทยคูน เวิลด์ไวด์กรุ๊ป (ประเทศไทย) หรือ TYCN และบริษัทย่อย ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 133.66 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 18.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.03 บาท

พร้อมอธิบายว่า กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท คิดเป็น 822.45% เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น 728 ล้านบาท คิดเป็น 54.07% โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 728 ล้านบาท คิดเป็น 54.29% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และปริมาณการผลิตในประเทศจีนลดลง ส่งผลให้ปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 3/64 คิดเป็น 13.08% เทียบกับไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 5.24% สาเหตุที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/64

ด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 576 ล้านบาท คิดเป็น 43.17% โดยต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 528 ล้านบาท คิดเป็น 41.53% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 26 ล้านบาท คิดเป็น 44.39% เทียบไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการส่งออกเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (โอนกลับรายการ) ลดลง 9 ล้านบาท คิดเป็น 1234.43% เทียบกับไตรมาส 3/63 เนื่องจากลูกหนี้ค้างชำระลดลง

ขาดทุนจากสัญญาซื้อวัตถุดิบ (โอนกลับรายการ) ลดลง 4 ล้าบาท คิดเป็น 7808.89% เทียบกับไตรมาส 3/63 เนื่องจากราคาลวดเหล็กปรับตัวสูงขึ้น

ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 34 ล้านบาท คิดเป็น 975.27% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินบาท

ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาท คิดเป็น 3% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากการตัดรายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมของบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน

ต้นทุนทางการเงินลดลง 2 ล้านบาท คิดเป็น 16.75% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED USA และ BOT

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท คิดเป็น 80400% เทียบกับไตรมาส 3/63 สาเหตุหลักมาจากกำไรสุทธิปี 64 คาดว่าจะต้องเสียภาษีเงินได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ