นายธนศักดิ์ วหาวิศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ (PA) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการเชดี ภูเก็ต ว่า บริษัทมีความตั้งใจจะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อให้บริษัทมีบทบาทในการบริหารงาน แต่ที่ผ่านมา บริษัทสามารถเข้าถือหุ้นได้เพียงประมาณร้อยละ 24.49 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเฝ้าสังเกต/ติดตาม (Monitor) ผลการดำเนินงานของโรงแรมเชดี ภูเก็ต มาโดย พบว่าผลประกอบการที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาอย่างต่อเนื่อง (ยกเว้นปี 2548 ที่ผลกำไรลดลงเนื่องจากโรงแรมได้รับผลประทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ) นายธนศักดิ์ กล่าวว่า ในการตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการใด ๆ ของบริษัท ผู้บริหารและคณะกรรมการของบริษัทจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น ในการเข้าลงทุนในโครงการนี้ บริษัทเห็นว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจและมีศักยภาพที่ดี สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการลงทุน ภาวะทางการตลาดของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต อัตราผลตอบแทน มูลค่าของโครงการในอนาคต และผลประกอบการของโรงแรม สำหรับการประเมินมูลค่าโครงการเชดี ภูเก็ต ดำเนินการโดยบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินราคาอิสระ ได้ประเมินราคาโครงการโรงแรมเชดีภูเก็ต ไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2547 ด้วยวิธี Income Approach เป็นจำนวนเงิน 21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 800 - 900 ล้านบาท และหลังจากนั้น ทางโรงแรมเชดี ภูเก็ต ได้ทำการประเมินราคาทรัพย์สินครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยบริษัท HVS International จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินราคาอิสระ ได้ประเมินราคาด้วยวิธี Income Approach เป็นจำนวนเงิน 21.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าราคาประเมินเดิม เมื่อพิจารณามูลค่าเงินลงทุนของบริษัทกับมูลค่าโครงการที่ผู้ประเมินราคาอิสระได้ประเมินไว้และสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่านอกจากสภาวะราคาของอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตนับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงโรงแรมเชดี ภูเก็ตที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะภูเก็ตแล้ว การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตส่งผลดีให้แก่ภาคธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ จากผลประกอบการของโรงแรมเชดี ภูเก็ต ในปี 2549 ที่มีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยถึงร้อยละ 70 มีกำไรสุทธิจำนวน 48.7 ล้านบาท และยังมีกำไรสะสมจำนวนหนึ่งที่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ บริษัทจึงมั่นใจว่า มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนจากเงินลงทุนทั้งหมดในโครงการโรงแรมเชดี ภูเก็ต จะไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีของเงินลงทุน ส่วนข้อมูลที่ทาง ก.ล.ต. ขอให้บริษัทชี้แจงเพิ่มเติมนั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่บริษัทได้เคยเปิดเผยแล้วต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และส่งสำเนาให้ ก.ล.ต. รับทราบแล้ว