(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดภูมิภาค กังวลไวรัสโอไมครอน-ราคาน้ำมันร่วงแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 29, 2021 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงราว 0.5-0.8% จากความกังวลไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่"โอไมครอน" ซึ่งขณะนี้ได้มีการระบาดในยุโรปหลายประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ในยุโรปก็มีการระบาดโควิดหนักอยู่แล้ว มาเจอสายพันธุ์ใหม่อีก ทำให้กังวลการเติบโตเศรษฐกิจ จึงมีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราก็เผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายออกมาทั้งในตลาดหุ้น และตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยง และตลาดฯวันนี้คงจะเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานด้วยหลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงแรง

อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย, MSCI Rebalance ในวันที่ 30 พ.ย.นี้, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา, ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,899.34 จุด ร่วงลง 905.04 จุด (-2.53%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,594.62 จุด ร่วงลง 106.84 จุด (-2.27%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,491.66 จุด ร่วงลง 353.57 จุด (-2.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 413.66 จุด หรือ -1.44%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 170.03 จุด หรือ -0.71% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 35.42 จุด หรือ -0.99%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ย.)1,610.61 จุด ลดลง 37.85 จุด (-2.30%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,121.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ดิ่งลง 10.24 ดอลลาร์ หรือ 13.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ย.) อยู่ที่ 2.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.64 อ่อนค่าต่อเนื่อง กังวลโควิดสายพันธุ์ใหม่ จับตาทิศทางเงินทุนตปท.
  • จับสัญญาณตลาดโทรคมนาคมไทย หลังอภิดีล"ดีแทค-ทรู" นักวิชาการเชื่อระยะสั้นไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เหตุ "เอไอเอส" เจ้าตลาด รุกหนัก อัดแคมเปญ ปลุกโปรโมชั่นคงสถานะผู้นำ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกพบ แม้หากรวมเบอร์ 2 และ 3 จะกินมาร์เก็ตแชร์ สูงทะลุ 52 ล้านรายโค่นแชมป์เก่าได้ แต่หากมองในด้านคลื่นความถี่-สถานะทางการเงินยังคงไม่เปลี่ยนมือ "เอไอเอส" ยังเหนือกว่า ลุ้นท่าที "เทเลนอร์" ไม่ทิ้งไทยแต่ก็ไม่ลงทุนทำตลาดเพิ่ม
  • "สินิตย์" สั่งการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าป้องกันนอมินี หลังเปิดประเทศมีแนวโน้มคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน พุ่งเป้า 3 กลุ่มธุรกิจ ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการเกษตร
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ว่า รฟม.เตรียมงบประมาณ 60 ล้านบาท ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนรายละเอียดการออกแบบ พร้อมจัดทำเอกสารประกวดราคา และรายงานผลการศึกษาโครงการร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี คาดว่าจะใช้เวลา 6 เดือนแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2565
  • สภาพัฒน์เผยปี 63 คนจนเพิ่มขึ้น 500,000 คนจากปี 62 ถือว่าน้อยกว่าที่คาด หากเทียบกับเศรษฐกิจที่หดตัวมากถึง 6.1% เพราะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการต่างๆ ที่ครอบคลุมประชาชนกว่า 40 ล้านคน คิดเป็นการช่วยเหลือเฉลี่ย 13,473 บาทต่อคนต่อปี หรือ 40% ของเส้นความยากจน
  • กระทรวงการคลังกำลังเร่งปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมากขึ้นและไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ต่อไป โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) จะเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปีนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป เพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้รถอีวีมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกลงใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในรูปแบบกองทุนเป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถอีวีจะปรับลดภาษีเหลือ 0% ส่วนรถไฮบริดที่ใช้ทั้งไฟฟ้า และน้ำมัน จะยังมีการจัดเก็บภาษีในอัตราที่ไม่สูงมาก ส่วนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันยังคงเสียภาษีสรรพสามิตตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

*หุ้นเด่นวันนี้

  • EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.40 บาท แนวโน้ม Q4/64 แม้จะอ่อนตัว Q-Q ตามโควิด-19 ที่คลี่คลาย แต่คาดยังเติบโตโดดเด่น Y-Y โดยเบื้องต้นคาดใกล้เคียง Q2/64 หนุนกำไรทั้งปี 64 ที่คาด +289% Y-Y มี Upside ราว 14% โดยประเมิน EKH จะเป็นหลุมหลบภัยที่ดีกรณีเกิดการระบาดระลอกใหม่หลังเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" เริ่มพบในยุโรป แต่หากควบคุมได้ประเมินธุรกิจ IVF ของ EKH จะฟื้นตัวหนุนการเติบโตระยะถัดไป พร้อมให้แนวรับ 7.80-7.60 บาท แนวต้าน 8-8.20 ถัดไป 8.50 บาท
  • EPG (คิงส์ฟอร์ด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า IAA Consensus 15.30 บาท ผลประกอบการ Q2/64-65 (ก.ค.-ก.ย.) รายงานกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท ยังเติบโตต่อเนื่อง YoY แต่อ่อนตัวลง QoQ รายได้รวมยังปรับตัวเพิ่ม QoQ ได้หนุนจากกลุ่มชิ้นยานยนต์ยานยนต์ Aeroklas ที่ส่งออกไปยังออสเตรเลียและยุโรป และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ EPP ทีมีการเร่งระบายสินค้าเก่าในสต๊อก ช่วงชดเชยรายได้กลุ่มฉนวน Aeroflex ที่ถูกกระทบจากการ Lockdown ขณะที่ GPM ถูกกดดันจากต้นทุนวัตุดิบและการทำโปรโมชั่น แนวโน้ม Q3/64-65 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดฟื้นตัว QoQ ทุกธุรกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลาย รวมถึงจะมีการทยอยปรับเพิ่มราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
  • RS (เคทีบีเอสที)เป้าเชิงกลยุทธ์ 22 บาท ทุกหน่วยธุรกิจฟื้นตัว ผู้บริหารเตรียมสร้าง Digital Eco System พร้อม Transform คาดโควิด-19 ไม่ทำแผนสะดุด ราคาที่พักฐานระยะสั้นเป็นโอกาสสะสม ด้านบริษัทย่อย "โฟร์ท แอปเปิ้ล" เตรียมสร้าง Platform สำหรับ Popcoin- Digital Token ของกลุ่มที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าและ Partner พร้อมเข้าเทรดต้นปี 65 พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 2564-2565 ที่ 225 ลบ. และ 576 ลบ. -57.4%YoY, +155.9%YoY ตามลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ