NRF รุกขยายธุรกิจสายเขียวก่อนดันเข้าตลาดหุ้น,วางงบ 1.5-2 พันลบ.ซื้อกิจการเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 29, 2021 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เปิดเผยว่า บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GTH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นในสัดส่วน 75% ได้เปิดตัวร้าน "Hemp House" สาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ร้านไลฟ์สไตล์คาเฟ่สายเขียงเชิงสุขภาพที่ทานได้ดีมีประโยชน์ โดยใช้ผลิตผลหลักจากกัญชง ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งตั้งเป้าที่จะมีการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไซส์ให้ครบ 300 สาขาภายในปี 65 ก่อนขยายสาขาให้ครบ 1,000 สาขาภายใน 3 ปี

พร้อมกับผลักดันให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจกัญชงเป็น 10% จากเป้าหมายรายได้รวมของ NRF ที่ 5,000 ล้านบาทภายในปี 66

บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 จะสามารถเติบโตได้ 45-55% จากความต้องการสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง จึงส่งผลให้เริ่มมีการสั่งสินค้าไว้ล่วงหน้า ในขณะเดียวกันปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลาย และค่าขนส่งเริ่มปรับตัวลดลง

พร้อมกันนี้ยังมีการรับรู้รายได้จากการขยายธุรกิจแพลตฟอร์มอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-Based) ในตลาดระดับโลกผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และฮ่องกง และยังมีแผนการขยาย Plant-Based อย่างต่อเนื่องด้วย โดยในช่วง เดือน มี.ค.-เม.ย. 65 บริษัทมีแผนเปิดตัวซุเปอร์มาเก็ตสำหรับขายสินค้าในกลุ่ม Plant-based ร่วมกับพันธมิตรเป็นสาขาแรกของประเทศไทย

ทั้งนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนสำหรับปี 65-66 ไว้ราว 1,500-2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบรวมกิจการในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) และในกลุ่ม Plant-Based ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนในปี 65

นอกจากนี้ จะใช้ในการลงทุนก่อสร้างโรงงาน Plant-based ร่วมกับ Innobic (Asia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือของ PTT คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 66 รวมไปถึงก่อสร้างโรงงานผลิตซอสในจังหวัดสมุทสาคร คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 65 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลการขาย (ไฮซีซั่น) ของธุรกิจ ซึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีคนจะซื้อของตุนรับเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน เป็นต้น ขณะเดียวกัน จะเริ่มรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/64 ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ