ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,568.69 จุด ลดลง 21.00 จุด (-1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 159,490.87 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,612.10 จุด และระดับต่ำสุด 1,565.95 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 421 หลักทรัพย์ ลดลง 1,543 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 322 หลักทรัพย์
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พลิกกลับมาปิดร่วงลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบราว 1.3% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลงราว 1.5% หลังจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ ระบุว่าประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาอาจลดลงเมื่อเจอสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งต้องรอวัคซีนตัวใหม่อีก 2-3 เดือน ทำให้มองว่าสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นกลับไปล็อกดาวน์อีกหรือไม่ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเป็นลบ โดยราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับตัวลง 2% ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.5%
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลปัจจัยในประเทศที่มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลอาจกลับไปล็อกดาวน์หากพบคนติดเชื้อโอไมครอนแม้เพียงคนเดียว อีกทั้งตลาดฯยังรับแรงกดดันจาก MSCI Rebalance ที่มีผลวันนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย.ในวันศุกร์นี้ และติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ก่อน หลังจากที่หลุดเส้น EMA 200 วันที่ 1,570 จุด ทำให้น่าจะมีจังหวะในการเด้งขึ้นมาได้ก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,590 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 16,033.59 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 7,348.40 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
EA มูลค่าการซื้อขาย 5,229.72 ล้านบาท ปิดที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 5,022.18 ล้านบาท ปิดที่ 372.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 4,823.44 ล้านบาท ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 4.00 บาท