ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดลบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนในวันนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติซับไพรม์ในสหรัฐ รวมถึงข่าวที่ว่าอัตราเงินเฟ้อในสิงคโปร์อาจสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ลดลง 35.65 จุด หรือ 1.0% ปิดที่ 3,475.47 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,433.80 และ 3,518.46 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 2.2 ล้านหุ้น มูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นายหลิม อึ้งเคียง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวเมื่อวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสปัจจุบันอาจสูงกว่าระดับ 2.7% ในไตรมาสสาม และอาจพุ่งถึง 4-5% ในไตรมาสแรกของปีหน้า "นักลงทุนต่างวิตกกังวลว่ามูลค่าเชื้อเพลิงและการนำเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" ซอง เซ็ง วุน หัวหน้านักวิจัยของ CIMB-GK กล่าว นอกจากนั้นนักลงทุนยังถอนตัวออกจากตลาดเนื่องจากข่าวร้ายหลายประการ ทั้งปัญหาในตลาดสินเชื่อของสหรัฐ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงทางการเมืองในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม Westcomb Securities คาดการณ์ว่าดัชนีสเตรทส์ไทม์จะมีการดีดตัวขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ หุ้นยูโอบี ลดลง 10 เซนต์สิงคโปร์, หุ้นโอซีบีซี ลดลง 5 เซนต์ และ หุ้นดีบีเอสกรุ๊ป เพิ่ม 30 เซนต์ หุ้นเคปเพล คอร์ป ตกลง 20 เซนต์, หุ้นสิงคโปร์ เอ็กซ์เชนจ์ ร่วง 60 เซนต์ และ หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ขยับลง 8 เซนต์ หุ้นเคปเพลแลนด์ ขยับลง 5 เซนต์, หุ้นแคปปิตัลแลนด์ ลดลง 10 เซนต์ และ หุ้นออลกรีน ขยับลง 3 เซนต์