ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดร่วงลงในวันนี้ (21 พ.ย.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค หลังราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าการใช้น้ำมันในสหรัฐอาจลดฮวบและฉุดเศรษฐกิจเอเชียลงไปด้วย ราคาน้ำมันดีดขึ้นเหนือระดับ 99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์อันแข็งแกร่งหลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะเวลาอันใกล้จากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว นายฉัว ฮัค บิน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกจากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล เนื่องจากประจวบเหมาะกับช่วงที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มและรัฐบาลหลายประเทศในเอเชียกำลังให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานเป็นจำนวนมาก สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ร่วงลง 91.07 จุด หรือ 2.6% ปิดที่ 3,347.20 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,340.70 และ 3,434.50 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.8 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ "นักลงทุนกำลังมีท่าทีระมัดระวัง" เหยา คี หยัน นักยุทธศาสตร์จาก DBS Vickers กล่าว "ตลาดหุ้นสิงคโปร์ร่วงลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชีย และร่วงลงต่ำกว่าดาวน์โจนส์ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดด้วยซ้ำ" อย่างไรก็ตาม ดัชนีสเตรทส์ไทม์น่าจะได้รับแรงหนุนสู่ระดับ 3,300 จุดในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรน่าจะลดลงก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมกันในเดือนหน้า หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มหลักที่ฉุดสเตรทส์ไทม์ร่วงลง เนื่องจากยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติซับไพรม์ โดยหุ้นดีบีเอสกรุ๊ป ร่วง 40 เซนต์สิงคโปร์, หุ้นยูโอบี ร่วง 60 เซนต์ และ หุ้นโอซีบีซี ลดลง 15 เซนต์ หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ขยับลง 6 เซนต์ หลังเทมาเส็ก โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดทางการค้าของอินโดนีเซีย โดยทำการถือครองข้ามบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ 2 แห่งในประเทศ ได้แก่ เทลคอมเซล และ อินโดแซท โดยเทมาเส็กต้องเลือกถือหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่งเพื่อยุติการถือครองข้ามบริษัท หุ้นเนปจูน โอเรียนท์ ไลน์ส ลดลง 40 เซนต์ เนื่องจากมีความวิตกกังวลว่าค่าขนส่งอาจลดลงในปีหน้าหลังเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว หุ้นสิงคโปร์ ปิโตรเลียม สวนกระแสขาลงของตลาดด้วยการปรับเพิ่ม 5 เซนต์ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าผลกำไรของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งโดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น