บมจ.การบินไทย(THAI) เตรียมปรับวิธีการขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หลังพบวิธีการแบบเดิมที่เรียกเก็บจากผู้โดยสารชดเชยได้แค่ 50% ของค่าใช้จ่ายน้ำมัน พร้อมปรับค่าตั๋วในประเทศและลดเที่ยวบินช่วงโลว์ซีซั่นเพื่อลดการขาดทุน ร.ท.อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงวิธีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมัน(FUEL SURCHARGE) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันไม่สามารถปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมให้ทันกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะเป็นการขายตั๋วโดยสารล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมน้ำมันที่จัดเก็บจากผู้โดยสารในปัจจุบันจะชดเชยค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันได้เพียง 50% เท่านั้น จากเดิมที่ชดเชยได้ถึง 70% และหากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง THAI จำเป็นต้องปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันอีกครั้ง ซึ่งเป็นทางออกของทุกสายการบินทั่วโลก "ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันของการบินไทยสูงขึ้นอย่างมาก ปีที่แล้วเรามีค่าใช้จ่ายน้ำมัน 7 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และคาดว่าในปีนี้จะสูงขึ้นแน่นอน จากก่อนหน้านี้เรามีค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันประมาณ 15-18% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่านั้น" ร.ท.อภินันทน์ กล่าว นอกจากการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเพื่อชดเชยรายได้แล้ว THAI ยังใช้วิธีการปรับเพิ่มค่าโดยสารในประเทศ โดยจะปรับในส่วนของผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วจากต่างประเทศและมีปลายทางที่จุดบินต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้โดยสารชาวไทยที่ซื้อตั๋วโดยสารในประเทศ อีกทั้งการเพิ่มอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(CABIN FACTOR) โดยในเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว คือ ในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. เพราะช่วงดังกล่าวจำนวนผู้โดยสารจะลดลง โดย THAI จะใช้วิธีการลดจำนวนเที่ยวบินในบางเส้นทาง รวมทั้งจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อลดการขาดทุน ส่วนเส้นทางบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เช่น เส้นทางบินในจีนและอินเดีย จะใช้วิธีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินกลางคืน เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของตลาด แต่ไม่มีแผนจะเพิ่มจุดบินใหม่ในปีหน้า