ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ (16 พ.ย.) เนื่องจากตลาดวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวและจีนอาจพยายามจำกัดเม็ดเงินไหลออกไปยังฮ่องกง สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 1,136.78 จุด หรือ 4.0% ปิดที่ 27,614.43 จุด โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาฮั่งเส็งร่วงลงถึงกว่า 1,000 จุด หรือ 4.1% หลังร่วงลง 5.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนเกิดความกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัดหลังตลาดเปิดด้วยการเทขายอย่างหนักตามตลาดวอลล์สตรีทที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ การที่ JC Penney บริษัทค้าปลีกของสหรัฐรายงานผลกำไรไตรมาส 3 ที่ลดลง 9% นอกจากนั้นยังปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 4 ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจชะลอตัวลง นอกจากนั้นในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐยังออกมาเปิดเผยว่าวิกฤติซับไพรม์จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการณ์ในไตรมาสสี่ หุ้นบริษัทจีนซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงก็ร่วงลงเช่นกัน หลังมีรายงานว่าทางการเมืองเสิ่นเจิ้นเตรียมจำกัดการถอนเงินจากธนาคารในเมืองเพื่อป้องกันมิให้เม็ดเงินผิดกฎหมายไหลออกจากจีนไปยังฮ่องกง "จีนกำลังพยายามรับมือกับการไหลออกของเม็ดเงินซึ่งมีเสิ่นเจิ้นเป็นจุดหลัก โดยบางครั้งก็มีการใช้วิธีนำเงินติดตัวออกนอกประเทศผ่านทางชายแดนเมืองเสิ่นเจิ้นด้วยซ้ำ" โฮเวิร์ด จอร์จ รองประธาน South China Securities กล่าว ดัชนีฮั่งเส็ง ไชน่า เอนเตอร์ไพรซ์ ร่วง 747.73 จุด หรือ 4.3% ปิดที่ 16,737.73 จุด หุ้นบริษัทจีนมีการซื้อขายอย่างผันผวนตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าจีนอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หุ้นธนาคารไอซีบีซี ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของจีน ลดลง 5.2% และ หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ลดลง 4.2% หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันยังคงตกลง หลังโอเปคคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะลดลง โดยหุ้นปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ลดลง 4.5% ในขณะที่หุ้น CNOOC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในจีน ร่วง 6.9% หุ้นไชน่าโมบาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ลดลง 4.6% หลังนักลงทุนต่างเทขายทำกำไร โดยก่อนหน้านี้หุ้นไชน่าโมบายปรับเพิ่มเนื่องจากมีข่าวว่าจะมีการร่วมมือกับบริษัทแอปเปิลเพื่อจัดจำหน่าย "ไอโฟน" ในจีน