KC มุ่งมั่นพัฒนาโครงการแนวราบด้านตอ.ของกทม.ในปีหน้าต่อยอดโครงการเดิม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 14, 2007 16:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ (KC) กล่าวว่า แผนการลงทุนในปีหน้ายังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรูปแบบโครงการและทำเลที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำตลาด โดยจะเน้นขยายการลงทุนในโครงการเดิมเป็นหลัก ซึ่งขณะที่มีทั้งหมด 21 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 7,500 ล้านบาท 
ส่วนแผนงานที่จะเปิดโครงการใหม่หรือซื้อที่ดินเพิ่มนั้นจะพิจารณาภาวะตลาดก่อน และเนื่องจากขณะนี้บริษัทฯ ยังมีกระแสเงินสดและวงเงินกู้ที่ยังไม่เบิกจากธนาคารเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในมือ จึงยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในอนาคตอันใกล้นี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้อาจต่ำกว่าประมาณการณ์ที่คาดไว้ เป็นไปตามภาวะตลาดโดยรวม แม้บริษัท จะมียอดขายลดลง แต่ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงกว่า 40% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดแนวราบในปีหน้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัว เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ทำให้มีสินค้าแนวราบคงค้างในตลาดจำนวนไม่มากนัก
ขณะที่การเปิดโครงการแนวราบใหม่ๆ เพื่อพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในขณะนี้จะทำได้ยากขึ้นในอนาคต เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องต้นทุนราคาที่ดิน ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่สามารถพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อตอบรับการฟื้นตัวของตลาดในปีหน้า จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด หรือบริษัทที่เน้นการพัฒนาสินค้าแนวราบมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
สำหรับโครงการของ KC ที่ดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 2-3 ล้านบาท“เค.ซี.การ์เด้น" “เค.ซี.กรีนวิลล์" และ“เค.ซี.พาร์ควิว" จำนวน 9 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้ชื่อ “เค.ซี. เนเชอรัลวิลล์" และ “เค.ซี. เลควิว" จำนวน 4 โครงการ
โครงการทาวน์เฮ้าท์ ราคา 0.8-1.2 ล้านบาท จำนวน 5 โครงการ และโครงการจัดสรรที่ดินเปล่า 1 โครงการ ซึ่งเมื่อรวมกับอีก 2 โครงการใหม่ ที่เปิดตัวในไตรมาส 4 นี้อันได้แก่ โครงการเค.ซี.เนเชอรัล ซิตี้ (รามคำแหง) เฟส 1 และโครงการเค.ซี. สุวินทวงศ์ 2 เฟส 1 อีกทั้งที่ดินรอการพัฒนา (Land Bank) มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท บริษัทฯ จะสามารถดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องได้อีก 3-4 ปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ