ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ประกาศแผนงานปี 51 ตั้งเป้าเพิ่มบริษัทจดทะเบียนใหม่ 37 ราย แบ่งเป็นบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET 25 ราย และ ตลาดหลักทรัพย์ mai 12 ราย
ตลท.ยังคาดว่าในปีหน้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(มาร์เก็ตแคป)จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.9 ล้านล้านบาท จาก 5.8 ล้านล้านบาทในปี 50 มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 1.75 หมื่นล้านบาท เนื่องจากตลท.มีแผนจะขยายฐานนักลงทุนให้เพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ พร้อมกับเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ในปีหน้าตลท.ตั้งเป้าหมายด้านอุปทานที่มีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะการเพิ่มบริษัทจดทะเบียนใหม่ รวมทั้งการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ได้แก่ Stock Options, สินค้าที่อ้างอิง FTSE index และ Transferable Custody Receipt (TCR)
นอกจากนี้ ตลท.จะลดระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากภายในวันทำการที่ 3 หรือ T+3 เป็น T+2 และการพัฒนาระบบ front เพื่อรองรับธุรกรรม Repo
สำหรับด้านอุปสงค์จะมีการเพิ่มขยายฐานผู้ลงทุนโดยกำหนดเป้าหมายให้จำนวนผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ถือหน่วยกองทุนรวม เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 หรือคิดเป็นจำนวน 1 แสนราย
ด้านนายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า จำนวนบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน 37 แห่งในปีหน้ายังไม่ได้รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าจดทะเบียนด้วย พร้อมระบุปีหน้าอาจจะได้เห็น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บมจ.เอสโซ่(ประเทศไทย) หรือ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ หรือเบียร์ช้าง เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการเพิ่มประเภทสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2551 ว่า นอกจากความต้องการของลูกค้าแล้ว จะคำนึงถึงโอกาสทางธุรกิจของการออกสินค้าใหม่ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์:
[email protected]