ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดอ่อนตัวลงในวันนี้ (27 พ.ย.) หลังจากที่ดัชนีได้พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาคการเงินของสหรัฐ หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นแกนนำให้ดัชนีร่วงลงในวันนี้ จากกระแสข่าวที่ว่า ซิตี้กรุ๊ปอาจปรับลดต้นทุนการดำเนินงานด้วยการลดจำนวนพนักงาน และเอชเอสบีซีได้จัดหาเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยพยุงกองทุน 2 แห่งที่ลงทุนในตราสาร SIV ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดสินเชื่อ สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับตัวลง 45.94 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 3,372.64 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.8 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.10 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากแผนจัดหาเงินพยุงกองทุน 2 แห่งที่ลงทุนในตราสาร SIV ของเอชเอสบีซีแล้ว การที่ดีบีเอสของสิงคโปร์ออกมาเปิดเผยว่าจะแก้ไขปัญหาภาวะขาดทุนในการลงทุนในตลาดตราสารเชิงพาณิชย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสินทรัพย์ (ABCP) มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ที่เรียกว่า "Red Orchid Secured Assets" ก็เป็นปัจจัยที่ส่งกระทบให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซาลงเช่นกัน หุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ลดลง 20 เซนต์ ขณะที่หุ้นธนาคารยูโอบี ร่วงลง 40 เซนต์ "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดซบเซาลงเกิดจากการที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศอาจตั้งสำรองหนี้สูญจากการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (CDOs) ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดสินเชื่อ แต่โดยปกติแล้วธนาคารพาณิชย์ในเอเชียจะได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" อิสมาเอล พิลิ นักวิเคราะห์ธนาคารจากแม็คควอรี ซิเคียวริตี้ส์กล่าว หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ปออกมาเตือนว่า สิงคโปร์อาจเผชิญกับปัญหาอุปทานพื้นที่สำนักงานล้นตลาดตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เนื่องจากมีอาคารใหม่ๆผุดขึ้นจำนวนมาก หุ้นแคปิตอล แลนด์ ลดลง 5 เซนต์ หุ้นเค็พเพล แลนด์ ลดลง 15 เซนต์ และหุ้นซิตี้ ดีเวลอปเมนท์ ร่วงลง 30 เซนต์