METRO ยื่นไฟลิ่งก.ล.ต.ขายกองทุนอสังหาฯ 2.3 พันลบ.วันนี้ คาดขายมี.ค.51

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 3, 2007 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ (METRO)คาดว่า จะเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2.3 พันล้านบาทได้ในเดือนมี.ค. 2551 หลังจากที่ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันจันทร์นี้ โดยมีบลจ.ไอเอ็นจี เป็นที่ปรึกษา 
ทั้งนี้ METRO คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าวในระดับ 7% และหากขายกองทุนดังกล่าวหมด บริษัทก็จะบันทึกกำไรทันที 500 กว่าล้านบาท จากสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ 25% ในกองทุนดังกล่าว
METRO จะบันทึกรายได้จากการขายกองทุนดังกล่าวในเดือน มี.ค.51 ซึ่งจะทำให้ในปีหน้าพลิกมีกำไร จากที่มีผลประกอบการขาดทุนในปีนี้ ประกอบกับ บริษัทยังมีรายได้ที่รอรับรู้อีก 500 ล้านบาทจากงานในมือ(Backlog)ทั้งหมด 1.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็จะทำให้ยอดรับรู้รายได้ในปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 2,850 ล้านบาท ยอดขายอยู่ที่ 4,150 ล้านบาท
ในปีหน้ายังมีแผนซื้อที่ดิน 3 แปลง เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่งติดแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท แต่หากดีลพันธมิตรที่อยู่ระหว่างการเจรจาสามารถสรุปกันได้ก็อาจจะใช้เม็ดเงินลงทุนมากกว่านั้น
ที่ผ่านมามีกองทุนยุโรปแสดงความสนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุน แต่บริษัทให้อาจกองทุนดังกล่าวเข้าร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์แทน โดยเบื้องต้นจะเข้ามาลงทุนในโครงการเมโทร สาทร ทาวเวอร์ มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะถือในสัดส่วน 40% เพื่อนำจุดเด่นในด้านความพร้อมของกองทุนดังกล่าวในด้านเรื่องเม็ดเงิน ซึ่งก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ประกอบอสังหาฯ ในแถบเอเชียอีก 1 ราย ที่ขอเข้ามาร่วมทุนกับทางบริษัทด้วย
"กองทุนยุโรป มีคนกลางแนะนำให้เรารู้จัก และเท่าที่คุยกันเบื้องต้นก็เห็นชอบทั้ง 2 ฝ่ายที่จะเข้ามาลงทุนในแต่ละโครงการก่อน ส่วนจะเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุนหรือไม่นั้นเป็นเรื่องอนาคต ซึ่งการพิจารณาของเราไม่ได้รีบร้อนเพราะเราก็จะออกขายกองทุนอสังหาฯ และยังมีอีกรายที่อยู่ระหว่างคุย อาจเลือกรายใดรายหนึ่งก็ได้" นายรัตนชัย กล่าว
นายรัตนชัย กล่าวต่อว่า ในปีหน้าเชื่อว่าบริษัทยังคงได้รับผลประทบจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ทั้งค่าก่อสร้างและวัตถุดิบ ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ในขณะที่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ภายใต้การแข่งขัน และมองว่าการแข่งขันของธุรกิจอสังหาฯ ยังคงรุนแรง
ทั้งนี้ จากผลกระทบต้นทุนที่สูงอาจกระทบต่อ Gross profit margin ในปีหน้าลดลงมาอยู่ที่ 30-31% จาก 33% ในปีนี้ ขณะที่ Net profit margin ก็อาจลดลงมาอยู่ที่ 18-19% จาก 21%ปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ