ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงเพียง 0.25% ซึ่งการตัดสินใจครั้งล่าสุดได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ด้วย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 112.46 จุด หรือ 0.7% แตะระดับ 15,932.26 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.12 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ 1.69 พันล้านหุ้น เมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงเกือบ 300 จุด หลังจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงถึง 0.50% นักลงทุนบางกลุ่มปลีกตัวออกนอกตลาดก่อนที่วาณิชธนกิจในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์นี้ และก่อนที่สัญญาอ็อปชั่นเดือนธ.ค.จะครบกำหนดส่งมอบ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดสดใสขึ้นเมื่อบริษัท เทโกกุ ดาต้าแบงค์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยภาคเอกชนเปิดเผยว่า อัตราบริษัทของญี่ปุ่นที่ประสบภาวะล้มละลายในเดือนพ.ย. 2550 ลดลง 16.3% จากระดับเดือนต.ค. หลังจากที่ยอดบริษัทที่ประสบภาวะล้มละลายในเดือนต.ค.สูงขึ้น 38% ทั้งนี้ หุ้นราคาหุ้นปรับตัวลงทั่วทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มประกันดิ่งลงหนักสุด สำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นมิซูโฮ ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 1.9% หุ้นซูมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียล ลดลง 0.6% และหุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล ลดลง 0.2% ส่วนหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หุ้นมิตซูบิชิ เอสเตท ลดลง 2.5% หุ้นมิตซุย ฟูโดซาน รูดลง 4.4% และหุ้นมิลเลียลดลง 2.0%