(เพิ่มเติม) TOP เปิดแผนลงทุนปี 64-67 รวม 3,431 ล้านเหรียญฯ เน้นโครงการพลังงานสะอาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 15, 2022 18:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยออยล์ เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทในกลุ่มมีแผนการลงทุนโครงการในอนาคต ตั้งแต่ปี 64-67 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,431 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) 1,902 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเงินลงทุนในธุรกิจโอเลฟินส์ของบริษัทฯ โดยผ่านการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ประมาณ 1,183 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการอื่นของบริษัทฯ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

TOP ยังคาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมไตรมาส 1/65 และครึ่งแรกของปี 65 ว่า ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องจาก Q4/64 ได้รับแรงหนุนจากอุปทานในตลาดที่ตึงตัว จากการปิดซ่อมบำรุง และความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบหลายประเทศ ได้แก่ ลิเบีย คาซัคสถาน ไนจีเรีย

ขณะเดียวกันคาดว่า สถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงฤดูหนาว จะสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนเชื้อเพลิงมาเป็นใช้น้ำมัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มขยายตัว 0.18 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/64 แตะระดับ 99.45 ล้านบาร์เรล/วัน

อย่างไรก็ตาม ราคายังมีความเสี่ยงที่จะปรับลดลง จากความกังวลของความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างนัยสำคัญ โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและสหรัฐฯ แม้จะมีการประเมินว่าความรุนแรงของไวรัสกลายพันธุ์อาจไม่มากนักก็ตาม

ช่วงครึ่งแรกของปี 65 ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปี 64 หลังความต้องการใช้ปรับตัวดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มเติม มีแนวโน้มคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถควบคุมได้ ประกอบหลายประเทศเลือกใช้มาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก

ขณะที่อุปทานตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน หลังกลุ่มผู้ผลิตโอเปกพลัสมีแผนที่จะทยอยปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และอาจยกเลิกแผนการลดกำลังการผลิตภายในเดือน ก.ย.65

นอกจากนี้มีแนวโน้มที่การส่งออกของอิหร่านอาจกลับมาทำได้อีกครั้งหากสามารถเจรจาข้อตกลงยกเลิกการคว่ำบาตรกับประเทศมหาอำนาจได้

ส่วนภาพรวมธุรกิจการกลั่นในช่วงไตรมาส 1/65 มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันประเทศในเอเชียที่มีการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการเดินทางและการทำกิจกรรมสังคม ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันก๊าดยังคงได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นโดยเฉพาะในเอเชียเหนือ (ม.ค.-ก.พ.) นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังในภูมิภาคสำคัญที่อยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี

อย่างไรก็ตาม ตลาดปิโตรเลียมในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ มีแนวโน้มถูกกดดันในระยะสั้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งส่งผลให้หลายประเทศมีการใช้มาตรการจำกัดกิจกรรมทางสังคมอีกครั้งกดดันการฟื้นตัวของความต้องการใช้ในภูมิภาค

ครึ่งแรกของปี 65 ธุรกิจการกลั่นคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวใกล้สู่ระดับก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่อาการรุนแรงอยู่ในระดับต่ำกว่าการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้านี้ ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปและสหรัฐฯ เข้าใกล้จุดสูงสุดของการแพร่ระบาด ส่งผลให้หลายประเทศมีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการจำกัดกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น สนับสนุนความต้องการใช้สำหรับภาคคมนาคมและอากาศยาน

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปได้รับแรงหนุนจากโควตาสำหรับการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจีนรอบแรกของปี 65 อยู่ระดับต่ำกว่าโควตาในรอบเดียวกันของปี 64 ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนในครึ่งปีแรกของปี 65 อยู่ในระดับจำกัด อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันเตากำมะถันต่ำมีแนวโน้มถูกกดดันจากความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงหลังกิจกรรมการขนส่งทางเรือที่ชะลอตัวลงหลังจบช่วงเทศกาล ขณะที่อุปทานจากตะวันออกกลางปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังหน่วยปรับปรุงคุณภาพของโรงกลั่นในคูเวตกลับมาดำเนินการผลิต หลังหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/64


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ