โบรกฯมองกรณี PTT ต้องโอนทรัพย์สินคืนรัฐ มีผลกระทบแน่นอน แต่มองว่าไม่มากนัก เพราะ PTT ยังคงได้สิทธิเข้าไปบริหารต่อ ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน ส่วนราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวไปแล้ว นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวถึง กรณีของ บมจ.ปตท. (PTT) ว่า สิ่งที่นักลงทุนกังวลนับจากตรงนี้คือการที่ศาลสั่งให้ PTT มีการแก้ไขสัดส่วนของกรรมสิทธิ์และระบบส่งท่อก๊าซกลับไปให้กระทรวงการคลัง แต่สิ่งที่ทุกคนมีคำถามอยู่ว่า PTT จะต้องไปเช่าสินทรัพย์ในราคาที่เท่าไร จะมีผลกระทบในเรื่องของตัวรายได้ในอนาคตทำให้ทุกคนมองว่าหลังเปิดทำการจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นแน่นอน "ถามว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมีหรือไม่ มีแน่นอน แต่อย่างน้อยในแง่ของความรุนแรงจะน้อยกว่าเมื่อถูกเพิกถอน" นายวีระชัย กล่าว สำหรับในเรื่องของราคาหุ้น มีการลดลงมาจาก 400 บาทลงมาระดับนี้ ผลกระทบจากข่าวตรงนี้มีแต่ไม่มาก ประเมินว่าถ้าปรับตัวลงมาแถว 360 หรือ 350 บาท น่าจะหาจังหวะเข้าไปซื้อเล่นรีบาวน์ได้ ด้านน.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังจากมีการโอนท่อก๊าซแล้วค่าเช่าเป็นอย่างไรภาษีในการโอนเป็นอย่างไร แต่บอกได้ว่าผลที่ออกมาดีตรงที่ไม่ต้องเพิกถอนซึ่งตรงนี้ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดและคิดว่าการโอนท่อก๊าซต่างๆ ทั้งที่ดินกลับคืนสู่รัฐและ PTTอาจจะได้สิทธิเข้าไปเช่ามาบริหารต่อคิดว่าในที่สุดผลกระทบต่อ PTT คงไม่ถึงขั้นรุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม กว่าจะปลด SP วันที่ 19 ธ.ค.ซึ่งตามที่ผู้บริหาร PTT ให้สัมภาษณ์เป็นเช่นนั้นเพราะเข้าครม.วันที่ 18 ธ.ค.แต่อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกหรือเปล่าขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลต่างๆ จะต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่และเป็นเรื่องของการเจรจาระหว่างกระทรวงการคลังกับ PTT "แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงเพราะกระทรวงการคลังถือหุ้น PTT อยู่ 52.17% ถ้ามีอะไรรุนแรงคลังก็โดนผลกระทบไปด้วยในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งนักลงทุนต้องรอดูข้อมูล ในส่วนของรายได้ต้องลดลงแน่ เพราะสินทรัพย์ที่ทำรายได้และกำไรถูกโอนออกไปแต่คงไม่รุนแรง" น.ส.อาภาพร กล่าว